เจ้าของเพจ Digital Shortcut และเจ้าของแบรนด์ Zoë Scarf
คุณโซอี้ ภญ.โสภา พิมพ์สิริพานิชย์ เจ้าของเพจ Digital Shortcut และเจ้าของแบรนด์ Zoë Scarf
Introduction
- เส้นทางชีวิตของ ‘โซอี้’ เภสัชกรหญิงโสภา พิมพ์สิริพานิชย์ ที่รับบทบาทกว่า 5 อาชีพ กับเส้นทางอาชีพที่ผันเปลี่ยนไปตามช่วงอายุ
- จากเด็กขายของสู่เภสัชฯ สู่ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดดิจิทัล และเจ้าของแบรนด์ผ้าพันคอ จนกลายเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจให้กับ Follower กว่า 800,000 ราย
- แม้จะเป็นประสบการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เธอแชร์ผ่านโซเชียล แต่ก็เป็นประโยชน์ให้กับคนอื่น จนวันนี้เธอหยุดทำไม่ได้ เพราะยังเป็นแรงบันดาลใจให้ใครอีกหลายคน
การทำอาชีพใดอาชีพหนึ่งให้ประสบความสำเร็จ ถือเป็นอีกหนึ่งในสิ่งที่เรียกได้ว่าค่อนข้างยาก และท้าทายเป็นอย่างมาก แต่ถ้าเราต้องทำ 5 อาชีพไปพร้อม ๆ กับการมีครอบครัวด้วยล่ะ ? แค่หลับตานึกภาพก็อาจดูเหนื่อยแล้ว แต่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับสาวแกร่งดีกรีเภสัชฯ อย่าง เภสัชกรหญิงโสภา พิมพ์สิริภานิชย์ หรือ ‘โซอี้’ ที่หลายคนน่าจะรู้จักกันดีในฐานะเจ้าของแบรนด์ผ้าพันคอเงินล้านสุดชิคอย่าง Zoë Scarf และเจ้าของเพจ โซอี้ Digital Shortcut
วันนี้ 9 Conversations จะพาทุกท่านไปรู้จัก ‘โซอี้’ กันให้มากขึ้น เจาะเบื้องหลังเส้นทางจากเด็กที่เรียนติด F จนวันนี้สามารถก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าของธุรกิจ และนักการตลาดดิจิทัลที่มีผู้ติดตามมากกว่า 800,000 Followers และยังเป็นเจ้าของรางวัล 2nd Prize Winner สาขา Best Digital Marketing Influencer จากงาน Thailand Influencer Awards 2021 by Tellscore
งาน 5 ลูก 3 สามี 1
โซอี้อธิบายตัวตนของตัวเองให้กับเราฟังแบบสั้น ๆ ทำให้เราเริ่มเห็นภาพชีวิตเธอในช่วงนี้
‘ตอนนี้คุณโซอี้ทำงาน 5 อย่างด้วยกัน’ แม้แต่ละงานก็ดูจะไม่ได้เกี่ยวข้องกันมากสักเท่าไหร่ เธอเป็นทั้ง ผู้เชี่ยวชาญการตลาดดิจิทัล, เจ้าของแบรนด์ Zoë Scarf, เจ้าของโรงงานผลิตเพลง SCL Innovation, ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และยังเป็น ผู้พิพากษาสมทบศาลแรงงาน แต่จุดเริ่มต้นเส้นทางอาชีพในปัจจุบันของเธอจริง ๆ คือ ‘การค้าขาย’
จากเด็กขายของสู่เภสัชฯ
‘เราเลือกมาเรียนเภสัชฯ เพราะบ้านของเราขายยา เป็นร้านขายส่งอยู่กลางตลาด ขายทั้งของอุปโภค บริโภค ขายปลีก และขายส่งยา’ หน้าที่วัน ๆ ของคุณโซอี้ในวัยเด็กคือการรับบิลจากลูกค้า จัดของตามบิล ยกใส่รถเข็น แล้วไปส่งลูกค้า โซอี้ทำงานแบบนี้ตั้งแต่เด็กจนเข้าสู่มหาวิทยาลัย
ด้วยความคลุกคลีกับธุรกิจภายในบ้านมาตั้งแต่เล็ก ทำให้การขายกลายเป็นสิ่งที่ถนัด แต่อาชีพนี้ก็ทำให้เธอเหนื่อยกาย และใจไม่ใช่น้อย เพราะหากมองย้อนไปมองเพื่อนคนอื่น ๆ กลับสบายกว่าโซอี้มาก ทำให้เธอเริ่มท้อ จนวันหนึ่งเธอได้มีโอกาสไปนั่งเล่นบ้านเพื่อนที่เปิดร้านขายยาเหมือนกัน
‘ร้านเขาเล็ก ๆ หนึ่งคูหา ขณะที่ร้านเรา 3 คูหา เราก็นั่งคิดว่าทำไมบ้านเพื่อนร้านเล็ก ๆ แต่ทำไมสบายจัง แค่เปิดร้านขายยา เพื่อนไปเที่ยวต่างประเทศบ่อยมาก รู้สึกว่าการขายยาน่าจะตอบโจทย์ในชีวิตละ’
เหตุการณ์ในวันนั้นจุดประกายฝันให้โซอี้บอกครอบครัว เกี่ยวกับเส้นทางบทใหม่ที่เธอตัดสินใจเดินหน้าเผชิญต่อไปในรั้วมหาวิทยาลัยนั่นก็คือ เภสัชกร
ติด F ตั้งแต่เริ่ม ลืมไปเลยว่าเคยเรียน
‘ลืมไปเลยว่าเคยเรียน (หัวเราะ) คือระหว่างเรียน โซอี้ทำงานทั้งหมด 5 อย่าง’
โซอี้เริ่มเล่าชีวิตวัยเรียนในรั้วมหาวิทยาลัย ตอนนั้นเธอทำงาน 5 อย่าง เริ่มจากงานแสดงละคร ก่อนจะเปลี่ยนมาเปิดท้ายขายเสื้อผ้าที่ได้กำไรวันละพัน จากนั้นมีโอกาสได้เปิดร้านอาหารญี่ปุ่นเป็นของตนเอง แล้วค่อย ๆ ผันตัวไปเป็นผู้จัดการร้านอาหารให้กับคนอื่น และจบลงด้วยการทำธุรกิจ MLM
‘พอมาทำงาน กลายเป็นว่าผลเรียนเราติด F มาเลย (หัวเราะ)’
ด้วยการที่โซอี้ทำงานหลายอย่างในวัยเรียน ทำให้ผลการเรียนออกมาไม่เป็นไปอย่างที่หวัง เกรดเฉลี่ยตอนจบอยู่ที่ 2.37 แต่ก็สามารถสมัครงานจนได้งานเป็นคนแรกของรุ่น ซึ่งก็เป็นผลมาจากประสบการณ์ทำงานระหว่างเรียน แต่ละงานช่สนเธอฝึกทักษะการขาย การทำงานร่วมกับผู้อื่น การตรงต่อเวลา การบริหารงาน บริหารเงิน และบริหารคน ก็เป็นเรื่องยากที่บริษัทจะปฏิเสธ

เป้าหมายแรก เงินเดือนหลักแสน
‘จบเภสัชมามีทางเลือกไม่เยอะ เปิดร้านยา เป็นเภสัชโรงพยาบาลคอยจ่ายยาอยู่ในห้องยา เป็นเภสัชโรงงานเป็นฝ่าย R&D พัฒนายา หรือเป็นผู้แทนยา เราก็เลือกเป็นผู้แทนยา’ เส้นทางอาชีพเภสัชฯ แบบเต็มตัวของโซอี้เริ่มต้นที่บริษัทยาชื่อดังระดับโลกรายหนึ่ง
‘ตอนไปทำงานหัวหน้าถามว่าอยากได้เงินเดือนเท่าไหร่ เราเลยบอกไปว่าอยากได้หลักแสน เพราะเงินหมื่นเราเคยจับมาแล้ว เราทำงานมาตลอด หัวหน้าตกใจเลย’ โซอี้เล่าให้ฟังว่าตอนนั้นเงินเดือนเธอยังไม่สูงมาก แต่ก็สามารถฝ่าฟันจนกลายเป็น Top Sale ทำเงินได้หลักแสนต่อเดือน แม้วัน ๆ จะทำแต่งาน แต่ก็จัดการ Work Life Balance ได้อย่างลงตัว กลางวันทำงาน กลางคืนทองหล่อ ใช้ชีวิตตามประสาวัยรุ่น
แต่แล้ววันหนึ่งเป้าหมายในชีวิตเธอเปลี่ยนไป หลังพบว่าตื่นมาแล้วเดินไม่ได้…. ‘ตอนนั้นอายุ 25-26 ยังวัยรุ่นอยู่เลย เราปวดท้อง หมออัลตร้าซาวน์พบว่าเราเป็นซีสที่รังไข่ ก้อนใหญ่เท่ากำปั้น ตอนนั้นเราน้ำตาไหลเลย เรากังวลว่าจะเป็นอะไรมั้ย เรายังไม่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ เป้าหมายในชีวิตเราคืออะไร เราเรียนจบมาเรายังไม่ได้ทำอะไรเลย’
ป๊าม๊าต้องสุขสบาย คือเป้าหมายของชีวิต
‘ป๊าพูดมาคำนึง ซึ่งเป็นคำที่โซอี้ใช้มาตลอดชีวิต ป๊าบอกว่า ชีวิตเราเรียนถูกอย่างเดียว ไม่ต้องเรียนผิด เพราะคนเรียนผิด เรียนมาให้ดูเยอะแล้ว ถ้าอยากประสบความสำเร็จเรื่องไหน ให้ศึกษาจากคนที่ประสบความสำเร็จในเรื่องนั้น ๆ’
หลังพักรักษาตัว โซอี้มุ่งหน้ากลับบ้านที่ปากช่อง และเริ่มต้นทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กับครอบครัว ซึ่งเธอก็ได้มีโอกาสเรียนรู้จากเพื่อนของคุณพ่อที่ทำธุรกิจหอพัก เธอใช้เวลาศึกษาเพียง 11 เดือน ก็สามารถสร้างหอพักให้ครอบครัวได้ดูแล ซึ่งในตอนนั้นโซอี้คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จแล้ว จึงหยุดอาชีพการเป็นผู้แทนยา

ใจเต้นเหมือนเจอ Soulmate เมื่อพบสิ่งที่ชอบ
จุดที่ทำให้คนรู้จักเธอมากขึ้นในชื่อแบรนด์ Zoë Scarf เหมือนอย่างทุกวันนี้ เร่ิมมาจากการที่มีการขายของออนไลน์เกิดขึ้นใน Facebook แต่ตอนนั้นยังไม่มีใครสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง ของที่เอามาขายล้วนแล้วแต่นำเข้ามา โซอี้เลยริเริ่มจากการสร้างแบรนด์ผ้าพันคอตามความชอบส่วนตัว เพราะเธอชอบงานคราฟต์ งานศิลปะ อยากที่จะเอาเนื้อผ้าดี ๆ มาใส่ลวดลาย และสตอรี่ในแบบที่ต้องการ
‘ตอนนั้นตื่นเต้นมาก เหมือนเจอ Soutmate หัวใจมันเต้น’ โซอี้เล่าย้อนกลับไปตอนที่เธอค้นพบสิ่งที่อยากทำ แม้ว่าจะไม่ใช่แบรนด์แรกที่ขายสินค้าแนวนี้ในออนไลน์ แต่แนวคิดของเธอช่วยให้สามารถแข่งขันกับคนอื่นที่ทำมาก่อนได้จนประสบความสำเร็จ ‘การที่เราจะลงไปเล่นในตลาด เราต้องดูที่ 1 ของตลาด ณ ตอนนั้นว่าเค้าเป็นใคร ถ้าเค้ามีข้อดี 8 อย่าง ให้มาดูที่เราว่าสามารถทำข้อดีได้ 10 อย่างมั้ย ถ้าเค้ามีข้อเสีย 3 อย่าง เรากลบข้อเสียทั้งหมดเค้าได้มั้ย แค่นั้นเราก็เข้าไปเป็น No. 1 ได้แล้วค่ะ’
Influencer ที่ยังคอย Influencing
จากประสบการณ์ทั้งหมดที่คุณโซอี้ได้สั่งสมมา ทุกเวทีที่คุณโซอี้ได้ขึ้นพูดเพื่อแบ่งปันเรื่องราวความสำเร็จ เป็นสิ่งที่ทำให้เธอกลายเป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ติดตามบนโลกออนไลน์กว่า 800,000 รายภายใต้เพจ โซอี้ Digital Shortcut ‘..ประสบการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ของเรา มันเป็นประโยชน์กับคนอื่น เราลงเวทีมามีคนเข้ามาขอบคุณเราเพียบ เราเริ่มเปิดแฟนเพจขึ้นมาเพื่อเราอยากจะแบ่งปันความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ แต่มีคนเข้ามากดไลค์ กดแชร์เยอะมาก’
‘ในแฟนเพจ ก็ยังมีคนเข้ามาขอบคุณเรา ติดตามเรา แค่นี้เรามีความสุขแล้ว มีแฟนคลับตัวยงที่รู้ว่าเราเดินไม่หยุด เค้าก็ยังเดินไม่หยุดเหมือนกัน เราหยุดไม่ได้ เพราะเรายังเป็นแรงบันดาลใจให้ใครอีกหลายคน แม้ว่าจะเป็นแรงบันดาลใจเล็ก ๆ หันกลับไปมองก็ยังมีคนแชทมาหาเราทุกวัน แล้วเราจะหยุดได้ยังไง เพราะเรายังมีอิทธิพลทางความคิดของเค้า วันนี้มีความสุขกับสิ่งที่ได้แบ่งปันไปทั้งหมด’
จากเรื่องราวทั้งหมดของคุณโซอี้ ทำให้หลายคนน่าจะเห็นภาพชัดเจนมากขึ้นว่า เธอไม่ได้เป็นเพียงอินฟลูเอนเซอร์ในสายการตลาดดิจิทัลเพียงอย่างเดียว แต่เธอยังเป็นอินฟลูเอนเซอร์ด้านการใช้ชีวิต การฝ่าฝันอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อเป้าหมายที่ตั้งไว้ ตลอดจนถึงการมอบความเชื่อมั่นให้แก่ทุกคนได้รับรู้ ซึ่งหากจะมองว่าเธอ Role Model ของคนยุคใหม่ก็อาจฟังดูไม่ผิดนัก