ไดอารี่เล่มน้อย ที่จดบันทึกความสุข และความทรงจำทุกโมเมนต์ของครอบครัว

คุณการ์ตูน เจ้าของเพจ แม่จ๋าๆ พามาตาไปเที่ยวหน่อย
Introduction
- จุดเริ่มต้นของเพจ ‘แม่จ๋าๆ พามาตาไปเที่ยวหน่อย’ เกิดขึ้นจากความต้องการของทุกคนในครอบครัว ให้เป็นพื้นที่เก็บบันทึกความทรงจำดีๆ และการเติบโตของสมาชิกตัวน้อยๆ
- การท่องเที่ยว หน้าสมุดไดอารี่ ที่คนในครอบครัวร่วมกันแต่งเติมเรื่องราว และความประทับใจ ผ่านสิ่งที่ได้พบเจอร่วมกัน
- ความสุขตามช่วงวัย สิ่งสำคัญของการเลี้ยงลูกแบบคุณการ์ตูน
ว่ากันว่าบ้านหลังไหนที่มีเด็กน้อย บรรยากาศในบ้านจะตลบอบอวลไปด้วยความน่ารัก สดใส และเสียงหัวเราะ อันเป็นความสุขของครอบครัว
เช่นเดียวกับบ้านของคุณการ์ตูน คุณแม่ผู้อยู่เบื้องหลังเพจ ‘แม่จ๋าๆ พามาตาไปเที่ยวหน่อย’ ที่ในวันนี้ไม่ได้มีเพียงน้องมาตาเป็นสมาชิกตัวน้อยเพียงคนเดียวในบ้านอีกต่อไป แต่มีสมาชิกใหม่อย่างน้องมินตัน ที่เข้ามาเติมเต็มความสุขให้กับทุกคนในบ้านอีกหนึ่งคน

ในบทความนี้ 9 Conversations จะพาผู้อ่าน ร่วมเดินทางไปกับน้องมาตา และน้องมินตัน ที่เรียกได้ว่าตลอดระยะเวลา 3 ปีของการทำเพจ มีแต่ความน่ารัก สดใส และความสุข การันตีด้วยผู้ติดตามเกือบ 3 แสนคน และรางวัลบนเวที Thailand Influencer Awards 2021
คุณการ์ตูน คุณแม่ของน้องมาตา และน้องมินตัน เล่าให้ฟังว่า เพจ ‘แม่จ๋าๆ พามาตาไปเที่ยวหน่อย’ เกิดขึ้นจากความต้องการให้เพจนี้ เป็นพื้นที่เก็บความทรงจำดีๆ ของคนในครอบครัว
บันทึกไดอารี่ ที่เต็มไปด้วยความทรงจำแสนสุข
“การ์ตูนอยากให้เพจเป็นเหมือนสมุดไดอารี่ เพราะคุณแม่ชอบแต่งตัวให้ลูก คุณพ่อก็ชอบถ่ายรูป บ้านของเราจึงมีรูปลูกๆ เยอะมาก การ์ตูนเลยคิดว่าเราลองเปิดเพจ เพื่อรวมรูป และบันทึกให้เป็นเรื่องเป็นราวในเพจเลยดีกว่า”
ส่วนชื่อเพจ ‘แม่จ๋าๆ พามาตาไปเที่ยวหน่อย’ ก็เกิดขึ้นจากน้องมาตาในวันที่เปิดเพจ น้องกำลังอยู่ในช่วงวัยเริ่มหัดพูด และเรียกคุณการ์ตูนด้วยคำติดปากว่า ‘แม่จ๋าๆ’ พร้อมกับการอ้อนให้ ‘พามาตาไปเที่ยวหน่อย’ นั่นเอง
การท่องเที่ยว เป็นสิ่งที่คุณการ์ตูนให้ความหมายว่าเป็นอีกหนึ่งหน้าสมุดไดอารี่ ที่คนในครอบครัวร่วมกันแต่งเติมเรื่องราว และความประทับใจ ผ่านสิ่งที่ได้พบเจอร่วมกัน
“การออกไปเที่ยว ทำให้เรามีช่วงเวลาแห่งความสุขร่วมกัน บางสถานที่เราได้เจออะไรใหม่ๆ เป็นครั้งแรก เวลาลูกมีความสุข การ์ตูนก็มีความสุขไปกับลูกด้วย นั่นคือความสุขของคนเป็นพ่อเป็นแม่เนอะ”
จากประสบการณ์ที่พาน้องมาตาเที่ยวทั้งในประเทศ และต่างประเทศ คุณแม่ลูก 2 อย่างคุณการ์ตูน แชร์ให้ฟังว่าการพาลูกเที่ยว โดยเฉพาะในต่างประเทศ ต้องลดดีกรีการผจญภัยลงมากพอสมควร
“ต้องเตรียมตัวให้มากขึ้นสำหรับการเดินทาง ไม่ให้ลำบากจนเกินไป ถ้าจะลุยมากๆ ก็ต้องเช่ารถ ให้น้องได้หลับบนรถ การเที่ยวก็จะช้าลง จากที่เคยเที่ยวได้ 5 ที่ ก็เหลือแค่ที่เดียว ต้องไม่วางแผนการเดินทางให้แน่น แต่เน้นการแวะทานข้าว เดินเก็บบรรยากาศกับลูกๆ แทน”

เลี้ยงลูกแบบทางสายกลาง สร้างความสุขตามช่วงวัย
เมื่อถามถึงการเลี้ยงลูกของคุณการ์ตูน คุณการ์ตูนเล่าว่า ตัวเองไม่ได้เลี้ยงลูกแบบซีเรียส แต่เน้นทางสายกลาง เน้นให้น้องมาตา และน้องมินตันมีความสุขตามช่วงวัยให้ได้มากที่สุด
“น้องมาตาเป็นเด็กที่สดใส เขาจะแสดงออกชัดเจนมากว่าเขามีความสุข แค่มีเวลาเล่นกับเขา สอนเขา เขาก็มีความสุขแล้ว”
“ความสุขของเด็กๆ วัยอย่างน้องมาตา คือการเล่นของเล่น อ่านนิทาน การวาดรูป ระบายสี ช่วงเย็นๆ การ์ตูนจะพาเขาไปปั่นจักรยาน ขี่สกู๊ตเตอร์ เดินเล่นที่สวนในหมู่บ้าน เพราะมาตาเป็นเด็กชอบธรรมชาติ การได้เก็บใบไม้แห้ง แค่นี้ก็เป็นความสุขของเขาแล้ว”
“แต่ถ้าถามว่ามีดื้อบ้างไหม ก็ต้องตอบว่ามีบ้างตามช่วงวัย ดื้อบ้าง ซนบ้าง อย่างช่วงนี้ น้องมาตาจะเริ่มเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น มีความคิดของตัวเอง เลือกเสื้อผ้าเอง การ์ตูนก็ต้องปรับตัวไปตามช่วงวัยของเขา”
ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับการเลี้ยงลูกในยุคนี้คือการ เรียนออนไลน์ ที่แม้แต่คุณการ์ตูนเอง ซึ่งเป็นคุณแม่แบบ Full Time ยังยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ยากสำหรับเด็กวัยนี้
“ยากมากค่ะ ต้องบอกตรงๆ ว่ายากมาก เพราะเด็กๆ จะมีสมาธิโฟกัสกับการเรียนได้แค่ครึ่งชั่วโมงแรกเท่านั้น บอกตรงๆ ว่า เด็กเล็กเขาไม่เหมาะกับการเรียนออนไลน์เลยค่ะ”
“การ์ตูนต้องเฝ้าเขาเรียนหน้าจอตลอดทั้งวัน ในโรงเรียนมีคนที่ดรอปเรียนออกไปแล้ว เพราะรู้สึกว่าการเรียนออนไลน์ไม่เหมาะกับเด็กเล็ก แต่การ์ตูนก็เอาตามสะดวกให้เขาเรียนบ้าง แต่ไม่ได้ซีเรียส เน้นการทำกิจกรรมเป็นหลัก ส่วนเรื่องการอ่านเขียนค่อยไปจริงจังตอนช่วงอายุ 7 ขวบก็ได้ เพราะสำหรับเด็กเล็ก เรื่องการเรียนรู้ และพัฒนาการสำคัญกว่า”

เลือกรับงานตามความสุข ไม่บังคับให้ทำ
เชื่อว่าสิ่งที่หลายๆ คนอยากรู้คือ การที่น้องมาตามาเป็น Influencer ตัวน้อย ในวัยเพียง 6 ขวบเท่านั้น คุณการ์ตูนจะมีวิธีในการเลือกรับงานในฐานะ Influencer อย่างไร
“เรื่องรับงาน อันดับแรกต้องขอดูข้อมูลสินค้าก่อน ต้องเป็นของที่เหมาะสมกับน้องมาตา ต้องใช้ดีจริงๆ ถ้าเป็นของที่ใช้เองอยู่แล้ว การ์ตูนจะบอกลูกค้าว่าเราใช้เองนะ จะได้เขียนรีวิวจากใจ จากประสบการณ์จริงๆ ก็จะมีทั้งของใช้สำหรับเด็ก ของใช้ของคุณแม่ หรือครอบครัว ต้องคอยช่วยกันเลือกว่าสินค้าตัวไหนเหมาะสม หรือไม่เหมาะสม ถ้าไม่เหมาะสมเราก็ไม่รับ”
อีกสิ่งหนึ่งที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลย คือ ความพอดีของการทำงานในฐานะ Influencer กับความสุขของน้องมาตาเอง
“การ์ตูนไม่สามารถคิดแทนเขาได้ แต่ต้องถามว่าเขาอยากทำไหม ถ้าเขาอยากทำก็ให้ลอง จะชอบหรือไม่ชอบ ค่อยมาคุยกันอีกที”
เหมือนอย่างการทำงานละคร ซึ่งในตอนนี้น้องมาตาในวัย 6 ขวบ กำลังเข้าสู่โลกของการแสดง ด้วยการเป็นนักแสดงในละครเรื่องหนึ่งที่กำลังถ่ายทำอยู่ในขณะนี้
“เมื่อมีงานละครติดต่อเข้ามา การ์ตูนก็เลยไปถามน้องมาตาว่าอยากทำไหม สรุปว่าน้องอยากทำ อยากออกทีวี การ์ตูนก็เลยลองพามาตาไปแคสงานดู พอแคสผ่าน เราก็ไปคิดแทนว่าเขาจะไหวมั้ย เพราะการเล่นละครมันไม่เหมือนการถ่ายรีวิวที่บ้านที่มีพ่อแม่คอยช่วย”
“สำหรับละคร ตัวการ์ตูนเองช่วยน้องไม่ได้เลย เขาต้องทำเอง 100% เราช่วยเขาได้แค่การซัพพอร์ต อย่างการอ่านบท สอนบทให้เขาฟัง การไปถ่ายละครเราต้องทิ้งเขาไว้เลย แล้วมองได้จากที่ไกลๆ ซึ่งผลลัพธ์ก็ออกมาดี เพราะเขาตั้งใจมาก”
ในทางกลับกัน แม้น้องมาตาจะเป็นเด็กที่มีความตั้งใจในการทำงานสูง แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าในบางครั้ง น้องมาตาก็อาจจะมีความรู้สึก ‘ไม่จอย’ กับการต้องทำงานเช่นกัน
“ครอบครัวเราจะคุยกันตั้งแต่แรกว่าเพจที่ทำ เราจะเน้นไปที่ความสุขของครอบครัวเป็นหลัก ถ้าน้องมาตา และครอบครัวไม่มีความสุข ก็ไม่บังคับ”

Influencer กับอิทธิพลในการเลี้ยงลูก
คุณการ์ตูนยกตัวอย่างเรื่องอิทธิพลทางความคิดในการเลี้ยงลูก ว่าในยุคนี้ Influencer สายครอบครัว มีอิทธิพลต่อการเลี้ยงลูกมากขึ้นเรื่อยๆ
“Influencer มีอิทธิพลต่อการเลี้ยงลูกของคุณแม่ยุคนี้ระดับหนึ่งเลย ตัวการ์ตูนเองก็ดำเนินรอยตาม Influencer หลายๆ คน ที่เป็นผู้ให้ความรู้ ทั้งจากการหาข้อมูล หรือบทความ ที่ Influencer เป็นคนเขียน”
ซึ่งอิทธิพลในการเลี้ยงลูกที่ว่านี้ ในมุมของคุณการ์ตูนถือเป็นเรื่องดี เพราะ “การเลี้ยงลูกยุคนี้ เลี้ยงตามหลักความจริงมากขึ้น ในขณะที่สมัยก่อนจะเลี้ยงลูกกันตามความเชื่อ หรือเลี้ยงตามที่ผู้ใหญ่สอนต่อๆ กันมาซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ตอนนี้เราโชคดีที่มีข้อมูลต่างๆ มาช่วยเลี้ยงลูกมากขึ้น และถูกต้องมากขึ้นด้วย”
ในทางกลับกัน คุณการ์ตูนก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ส่งต่ออิทธิพลทางความคิดไปให้คุณพ่อ คุณแม่คนอื่นๆ ด้วยเช่นกัน แม้ว่าจะไม่ใช่การเป็นต้นแบบของคุณแม่สายข้อมูล ที่ให้ข้อมูลการเลี้ยงลูกอย่างจริงจัง “แต่เราอาจจะมีอิทธิพลในเรื่องของการแต่งตัวของน้องมาตา สถานที่ท่องเที่ยวที่น้องชอบ แนวการถ่ายรูป การใช้กล้อง หรือการจัดการกับลูกๆ เมื่อต้องพาไปเที่ยวนอกสถานที่กับครอบครัว”
เมื่อคุยกันมาจนถึงจุดนี้ เราจึงตั้งคำถามถึงความสุขของคนเป็นพ่อเป็นแม่ เพราะปฎิเสธไม่ได้เลยว่าการเป็นพ่อแม่ คืองานที่มีความกดดันสูง และเหนื่อยมากอย่างแน่นอน
“ความสุขในการเลี้ยงลูก คือทุกสิ่งทุกอย่าง ใน 1 วันคนเป็นแม่จะมีอารมณ์หลากหลายมาก ตื่นมาวันนี้ลูกเราน่ารักจังเลย แต่อีกสักพักลูกเริ่มดื้อละ แต่คิดไม่ผิดเลยที่ตัดสินใจมีลูก ถามว่าเหนื่อยไหม ตอบได้เลยว่าเหนื่อยมากค่ะ”
“อย่างการ์ตูนเคยเลี้ยงลูกคนอื่น รู้สึกว่าน่ารักจังเลย แล้วก็คืนเขาไป แต่การมีลูกเป็นของตัวเอง เวลาทุกนาทีของชีวิตให้ลูกไปหมดแล้ว การได้เห็นเขาเติบโตอย่างมีความสุข คือสุขที่สุดของเราจริงๆ”
และทั้งหมดนี้คือ เบื้องหลังความสุขในการใช้ชีวิตครอบครัวของคุณการ์ตูน เพจ ‘แม่จ๋าๆ พามาตาไปเที่ยวหน่อย’ ที่เป็นเหมือนอีกหนึ่งไดอารี่ชีวิต บันทึกความทรงจำของ Influencer สายครอบครัว ซึ่งแน่นอนว่าไดอารี่เล่มนี้ยังคงรอคอยเรื่องราวความสุข ประสบการณ์ใหม่ๆ การเติบโตของเด็กน้อย 2 คน มาเติมเต็มในทุกๆ วัน