
ทุกครั้งที่ไม่สบาย หลายคนไม่ได้วิ่งไปรพ. แต่กลับเปิดมือถือ หาข้อมูลสุขภาพจากโซเชียลมีเดียแทน เพราะมันเร็ว เข้าถึงง่าย
แต่เมื่อข่าวลวง ข้อมูลปลอม และการรักษาที่ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เริ่มปะปนอยู่ทั่วทุกแพลตฟอร์ม การที่บุคลากรทางการแพทย์จะออกมาสื่อสาร “ข้อมูลที่ถูกต้อง” จึงไม่ใช่แค่ทางเลือกอีกต่อไป แต่คือ “ความจำเป็น” เพื่อแก้ความเชื่อผิด ๆ ที่กำลังถูกส่งต่อในทุกวัน
ทริคไม่ลับจากการ Workshop: Health to Heart สื่อสารเรื่องสุขภาพให้โดนใจด้วยคอนเทนต์ ในงาน HA National Forum ครั้งที่ 25 โดย คุณอัยยา ตันติเสรีรัตน์ Co-Managing Director and Head of Partnership, Tellscore และ คุณสิตานัน ชัยกิตติกรณ์ Co-Managing Director Tellscore and Partnership Manager, Tellscore


คนไทยกว่า 70 ล้านคน กำลังใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์ และในจำนวนนั้น มีมากถึง 9 ล้านคนที่เป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ และกว่า 2 ล้านคนทำเป็นอาชีพเต็มเวลา
4 เทคนิคถ้าคุณหมออยากเป็นอินฟลูฯ
1. สร้างเอกลักษณ์ของตัวเองให้ชัด สิ่งที่ทำให้คนจำคุณได้ ไม่ใช่แค่ความรู้ แต่คือ “ความเป็นคุณ”
ลองถามตัวเอง ว่า อยากให้คนจำเราแบบไหน? เรื่องไหนที่เราพูดแล้วตาเป็นประกายทุกครั้ง? และ ใครคือคนที่เราอยากให้ติดตาม?
2. เลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะกับสไตล์
TikTok – เหมาะกับวิดีโอสั้น ๆ เน้นความสนุก กระชับ และเข้าใจง่าย
Instagram – ถนัดเล่าเรื่องผ่านภาพ หรือชอบแชร์ไลฟ์สไตล์สุขภาพให้ดูดี
Facebook – เหมาะกับบทความ แชร์ประสบการณ์ หรือคอนเทนต์ที่อยากให้คนมีส่วนร่วม
Twitter (X) – ถ้าอยากอัปเดตไว ตอบโต้เร็ว หรือปั้นเทรนด์สุขภาพ
YouTube – ลงลึกแบบจริงจัง ทำวิดีโอคุณภาพ ชวนคนดูยาว ๆ ก็เหมาะมาก
3. เล่าเรื่องให้คนรู้สึก ไม่ใช่แค่รู้
ข้อมูลดีอย่างเดียวไม่พอ ถ้าเล่าไม่เป็น มันก็ไม่น่าสนใจ ลองเปลี่ยนจากการ “สอน” เป็น “การเล่า” เช่น เล่าจากประสบการณ์จริง หรือ เล่าความรู้แบบให้คน “รู้สึก” ว่าเกี่ยวข้องกับชีวิตเขา
4. โตอย่างมีจังหวะ ขยายผู้ติดตามแบบยั่งยืน
อย่ามองยอดฟอลฯ เป็นเป้าหมายหลัก แต่มองให้เป็น “การเดินทาง”
– ควรโพสต์คอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้คนรู้ว่าคุณยังอยู่ตรงนี้
– ตอบคอมเมนต์ พูดคุยกับคนดู ทำให้รู้ว่าคุณใส่ใจ
– ทำ Collaboration กับครีเอเตอร์สายใกล้เคียง เช่น นักโภชนาการ นักจิตวิทยา หรือเทรนเนอร์ฟิตเนส
การเป็นหมอที่ทำคอนเทนต์ไม่ใช่แค่เรื่องของ “ไวรัล” แต่คือการ “ไว้วางใจ”
คือการเปลี่ยนพื้นที่ออนไลน์ให้กลายเป็นคลังความรู้ที่เข้าถึงง่ายและถูกต้อง
และที่สำคัญที่สุด คือการพาความรู้ด้านสุขภาพเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของคนได้อย่างจริงใจ
เพราะเมื่อหมอพูดในภาษาที่คนเข้าใจ
ข้อมูลดี ๆ จะไม่หยุดอยู่แค่ในตำรา แต่จะกลายเป็นแรงผลักดันให้สังคมสุขภาพดีขึ้น…ทุกวัน