นักพากย์ฟีลกู้ด คอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่ช่วยฮีลใจผู้คนในวันที่หม่นหมอง

คอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่ช่วยฮีลใจผู้คนในวันที่หม่นหมอง

Introduction

  • ก่อนจะเป็น “นักพากย์ฟีลกู้ด”
  • เริ่มความฟีลกู้ด เพราะฮีลใจตัวเอง
  • บทบาทความเป็นนักพากย์

ครีเอเตอร์คุณภาพที่เคยทำงานมาแล้วตั้งแต่เบื้องหลัง จนตอนนี้มาทำงานเบื้องหน้าผ่านการทำคอนเทนต์พากย์เสียงที่หลายคนรู้จักเป็นอย่างกับ ‘คุณปาร์ตี้ นักพากย์ฟีลกู้ด’ แต่กว่าจะมีชื่อเสียงอย่างทุกวันนี้ ต้องผ่านอะไรมาบ้าง วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้ถึงเบื้องหลังของเขากัน

ก่อนจะเป็นนักพากย์ฟีลกู้ด

    ทำงานเป็นครีเอทีฟที่ค่ายเพลงกามิกาเซมาก่อน ตัวอย่างผลงาน เช่น เพลงแน่นอก ทำงานเบื้องหลังมาตลอด เมื่อเดินทางมาถึงจุดอิ่มตัว จึงอยากทำงานที่เป็นอิสระมากขึ้น ตัดสินใจทำงานเป็นฟรีแลนซ์ พร้อมกับเปิดเพจของตัวเองไปด้วย แต่ ณ ตอนนั้นยังมีอุปสรรคเข้ามาอย่างโรคระบาดโควิด ลองทำคอนเทนต์ลง TikTok จนไวรัลด้วยคอนเทนต์พากย์เสียงกลายเป็นที่รู้จักในทุกวันนี้

    คุณปาร์ตี้ชอบงานครีเอทีฟมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม ชอบทำกิจกรรม พอเข้ามหาวิทยาลัย เรียนเอกด้านการแสดง ยิ่งทำให้ความเป็นครีเอทีฟชัดเจนมากยิ่งขึ้น เรียนจบมาลองทำงานด้านอื่นมาก่อนที่จะทำงานสายครีเอทีฟ มีประโยคหนึ่งที่คุณปาร์ตี้เล่าให้ฟัง เป็นประโยคที่มาจากเจ้านายเก่าของคุณปาร์ตี้ พูดกับเขาว่า “อาชีพครีเอทีฟมันมีแค่มันสมองอยู่กับเรา โดยที่ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย และมันสมองจะนำพาเราไปในเส้นทางที่เป็นเรา”

    ความไวรัลมาได้อย่างไร

    คุณปาร์ตี้เริ่มทำคอนเทนต์ตั้งแต่มีแพลตฟอร์มวิดีโอที่ชื่อว่า ‘โซเชียลแคม’ แต่ในตอนนั้นมันยังไม่มีกระแสเท่า TikTok ในตอนนี้ คลิปแรกที่คนเริ่มรู้จักมากขึ้น เป็นคลิปพากย์เสียงใส่ความจิ้น ใส่ความฟีลกู๊ดเข้าไปให้กับคู่นักแสดง ณเดชน์-เจมส์จิ จนรายการเรื่องเล่าเช้านี้นำวิดีโอไปออกรายการ ทำให้เกิดไวรัลขึ้น และมีติดตามหลั่งไหลเข้ามาตั้งแต่ตอนนั้น ซึ่งคุณปาร์ตี้ได้เป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์มานานถึง 12 ปี

    เริ่มทำคอนเทนต์ฟีลกู้ด เพราะต้องการฮีลใจให้ตัวเอง

    ในช่วงหนึ่งคุณปาร์ตี้เป็นซึมเศร้าเพราะได้รับความเครียด ความกดดันจากการทำงานเป็นอย่างมาก อาจจะเป็นเหมือนเด็กต่างจังหวัดหลายๆ คนที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ คนเดียว คุณปาร์ตี้บอกว่าเขาเจอทางออกจากความเครียดนั้นด้วยการเล่นแพลตฟอร์มทำคอนเทนต์เพื่อฮีลใจตัวเอง ทำคอนเทนต์ในทุกวันจนติดเป็นนิสัย ผลที่ตามมาเชื่อว่าน่าจะมีหลายๆ คนที่เข้ามาดูคอนเทนต์ฟีลกู๊ดจากเขาเพื่อฮีลใจตัวเองด้วยเช่นกัน

    ซึ่งการทำคอนเทนต์บนโซเชียลมิเดีย เป็นเหมือนเหรียญสองด้าน มันทั้งคนชอบและไม่ชอบที่เข้ามา บางครั้งก็มีเพื่อนที่เข้ามาคอมเมนต์ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่คุณปาร์ตี้ทำ แต่สิ่งที่ทำให้คุณปาร์ตี้ก้าวข้ามอุปสรรคจากคนที่ไม่เข้าใจในความเป็นตัวเองของเขาได้ คือ “สิ่งหนึ่งที่ทำให้ตี้ก้าวข้ามอุปสรรคและความกลัว คือ เรารักความเป็นตัวเองมากๆ เราจะไม่เปลี่ยนตัวเองเพื่อคำพูดใคร ถ้าเกิดใช้ชีวิตอยู่บนคำพูดใครอยู่ตลอด มันจะเกิดความไม่มั่นใจ เราจะกลัว และไม่กล้าทำในสิ่งที่เราชอบ แต่พอเราก้าวข้ามมาได้ มันเหมือนเรามีพลังผลักดันจากตัวเอง และมันทำให้เราอยู่มาได้นานถึง 12 ปี”

    แต่กว่าจะก้าวข้ามมาได้ ก็มีผ่านช่วงวิกฤติถึงขั้นคิดจะฆ่าตัวตาย ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี แต่คุณปาร์ตี้บอกว่าจากวันนั้นมันเหมือนเป็นจุดเปลี่ยนของเขา และทำให้เขาปลี่ยนความคิดไปเลย เพราะจากการกระทำครั้งนั้นส่งผลต่อทั้งตัวเขาเอง และคนรอบข้าง เขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนและหาอะไรที่จะทำให้เขาเดินทางไปถึงเป้าหมายของตัวเอง

    “สุดท้ายพอเรารัก และมั่นใจในเป้าหมายของตัวเอง วันหนึ่งมันจะเดินทางมาถึง”

    ซึ่ง ณ ตอนนี้ คุณปาร์ตี้เองไม่ได้เป้าหมายที่ชัดเจนมากเท่าเมื่อก่อน เพราะเขาได้เดินทางเก็บความสำเร็จในเป้าหมายนั้นๆ มาตลอด แต่เป้าหมายในตอนนี้ของเขาคือ “การมีแฟน หรือ Partner ที่ดี มาขยายอาณาจักรฟีลกู๊ดไปด้วยกัน”

    “พอเรามีโอกาสมากกว่าคนอื่น และเราได้รับโอกาส เลยอยากที่จะสร้างอาณาจักรฟีลกู๊ดให้มันขยายใหญ่ขึ้น และช่วยคนต่อ มันอาจจะเหมือนโลกสวย แต่ตี้รู้สึกว่าคนเป็นอินฟลูเอนเซอร์ คือ คนที่มีบทบาท หรือมีอิทธิพลกับชีวิตคนอื่น เราเลยอยากใช้อิทธิพลตรงนี้ไปในทางที่มันบวกที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ ถ้ามีโอกาสก็อยากขยายอาณาจักรนี้ให้คนเข้ามา แล้วหายจากความเครียด มาฮีลใจกันในอาณาจักรนี้”

    ตอนนี้คุณปาร์ตี้ทำหลายอาชีพมากทั้งอาจารย์ นักแสดง คอนเทนต์ครีเอเตอร์ ถึงจะเหนื่อยแต่ว่าก็ยังอยากที่จะทำ เพราะเป็นสิ่งที่เขารักทั้งหมด และมีความสุขที่ได้ทำมัน 

    เสียงตอบรับจากคนดู

    เสียงตอบรับจากคนดูค่อนข้างดีขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในแพลตฟอร์ม TikTok ที่เข้าถึงคนได้ง่ายมาก มักจะมีหลายคนที่เข้ามาคอมเมนต์ว่า ‘เขาหายจากซึมเศร้า เขาอกหักมาแล้วมาดูคลิปแล้วช่วยเบาสมอง’ เหมือนคอนเทนต์คุณปาร์ตี้เป็นช่องทางบวกให้กับคนอื่น และคอมเมนต์เหล่านั้นก็กลับมาเป็นพลังทำให้คุณปาร์ตี้ไปต่อได้ในทุกวัน

    มองเห็นการเปลี่ยนแปลงของโซเชียลมีเดีย

    ตั้งแต่โซเชียลแคม ในตอนนั้นซึ่งคนยังเล่นไม่เยอะ ยังไม่ได้มีอิทธิพลบทบาทกับชีวิตพวกเรามากนัก แต่ในตอนนี้โซเชียลมีเดียเข้าถึงคนทุกกลุ่ม ทุก Gen มันเลยทำให้ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็ว จนเกิดผลเสียได้ เราทุกคนสามารถใช้แพลตฟอร์มทำอะไรก็ได้ จนบางครั้งอาจขาดสติในการใช้ แต่คุณปาร์ตี้นั้นใช้โซเชียลมีเดียเป็นโอกาสให้แก่ตัวเอง

    “เรามองเห็นว่าโซเชียลมีเดียเป็นโอกาสในการฮีลใจให้ตัวเอง โอกาสในการสร้างอิสระ โอกาสในการสร้างอาชีพ และโอกาสในการสร้างทุกอย่างที่เป็นความสุขในชีวิต ถ้าโฟกัสให้ถูกทาง มันจะเป็นโอกาสที่บวกให้กับเราตลอดเวลา”

    บทบาทการพากย์เสียง

    งานแรกในการพากย์เสียงค่าตัวเพียงแค่ 3,000 บาท เมื่อ 15 ปีที่แล้ว ได้พากย์โฆษณาขนมมันฝรั่งยี่ห้อหนึ่ง ต้องพากย์บทพระเอกลูกครึ่ง จุดเริ่มต้นตอนนั้นคุณปาร์ตี้เข้าไปเป็นเพียงแค่เสียงไกด์ในกับโฆษณา แต่กลายเป็นว่าลูกค้าชอบ ตั้งแต่ตอนนั้นก็กลายเป็นเอกลักษณ์ในกลายพากย์เสียงให้กับเขาเป็นต้นมา

    แต่กว่าจะได้งานพากย์เสียงมานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย คุณปาร์ตี้ทั้งไปสมัคร ส่งเดโม่ไปฝากเสียงไว้ ไปแนะนำตัวกับพี่ๆ นักพากย์ผ่านเฟซบุ๊ก แต่ไม่มีการตอบรับให้เข้าไปพากย์เสียงจริงจังเลย แต่คุณปาร์ตี้ไม่ยอมแพ้ พยายามวิ่งหาโอกาส ลองทำคอนเทนต์พากย์เสียงลงโซเชียลมีเดีย จนสุดท้ายก็ได้มาอย่างที่ตั้งใจ

    “สิ่งที่ตี้ฝันไว้ในตอนนั้นว่า วันหนึ่งคนจะมาได้ยินเสียงเรา และก็มีคนได้ยินจริงๆ แต่มันอาจจะต้องใช้เวลา และความอดทน ความสม่ำเสมอ อย่ายอมแพ้ ถ้ามีเป้าหมายที่ชัด ให้ลงมือทำ แล้ววันหนึ่งมันจะสำเร็จ”

    ทีมงานนักพากย์ฟีลกู้ด

    ตอนนี้คุณปาร์ตี้เพิ่งเริ่มขยายทีมทำงานเบื้องหลัง หลังจากทำงานมานาน 12 ปี สำหรับบางคนอาจจะมองว่าขยายทีมช้าไปหน่อย แต่สำหรับคุณปาร์ตี้เขามีมุมมองที่น่าสนใจที่บอกกับเราไว้ “ชีวิตของการเป็นอินฟลูเอนเซอร์ ซึ่งเป็นอาชีพใหม่ในปัจจุบัน แต่ถ้าเรามองใจร้อน ฉาบฉวย อยากดังแค่นั้น มันจะจอดแค่สั้นๆ ตลอดระยะเวลา 12 ปีของตี้มันค่อยๆ เดินเป็นสเต็ปมากๆ อาจจะเป็นเพราะเราขี้กลัว แต่ไม่ได้หมายความเราจะเดินไม่ถึงเป้าหมายนะ สำหรับที่ใครยังกลัว หรือรู้สึกว่าตัวเองช้า ไม่สำเร็จสักที ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องกลุ้มใจ ค่อยๆ เดิน ขอแค่เรามองเห็นให้ชัดว่าเราจะเดินไปไหน และทำทุกวันเพื่อไปให้ถึงจุดนั้นให้ได้”

    ความรู้สึกตอนได้รับรางวัล Thailand Influencer Awards

    “ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าตัวเองจะมีโอกาสได้มาเป็นส่วนหนึ่งกับ Tellscore ภาพทุกอย่างยังติดตาอยู่เลยตอนที่ได้รับรางวัล มันเป็นความสุขของตี้มาก เหมือนมันเป็นสิ่งที่บอกชัดเจนแล้วว่าฉันทำ เพราะฉันรักมัน และรางวัลเป็นเหมือนโอกาสที่เปลี่ยนชีวิตเรา คนรู้จักเรามากขึ้น และคนมองเราที่คุณภาพ”

    “สำหรับน้องๆ หรือหลายๆ คนที่อยากเป็นอินฟลูเอนเซอร์ อย่างที่บอกไปว่ามันเป็นอาชีพใหม่ รายได้ โอกาสมันอาจจะเยอะ แต่ว่ามันเหมือนเป็นหลุมที่ทุกคนตกลงไปได้หมด ถ้าเราไม่มีสติ และเราใช้มันผิด มันจะตกหลุมไป แล้วขึ้นมายากมาก เหมือนเป็นหลุมพราง แต่ถ้าเรารู้ว่าจะให้โอกาสมันอย่างไร และใช้มันให้ถูกต้อง และอดทนกับมัน”

    “ตี้มองว่าอินฟลูเอนเซอร์ที่ดีต้องเป็นนักสร้างสรรค์บนความสร้างสรรค์”

    ทิ้งท้ายด้วยแง่มุมความคิดที่ดีจากคุณปาร์ตี้ที่มอบพลังฟีลกู้ดให้กับเราเป็นอย่างมาก ขอบคุณที่มอบความสุขให้กับทุกคนมาโดยตลอด และเราเชื่อมั่นเหลือเกินว่าคุณปาร์ตี้เองนั้นจะได้รับพลังความสุขกลับไปยังเขาเช่นเดียวกัน ตอบแทนความตั้งใจในการสร้างผลงานคุณภาพที่ต้องการสร้างพลังบวกให้กับทุกคน