ปัน ภัคสิร์ชา เจ้าของเพจ ‘อยากมีบ้านโว้ยย’ ถึงมุมมองที่หลากหลาย ตั้งแต่ประสบการณ์ในวงการบันเทิง ชีวิตของคนทำคอนเทนต์ ไปจนถึงการเปิดเพจที่มีผู้ติดตามนับแสนคน

เจ้าของเพจ ‘อยากมีบ้านโว้ยย’ ถึงมุมมองที่หลากหลาย ตั้งแต่ประสบการณ์ในวงการบันเทิง ชีวิตของคนทำคอนเทนต์ ไปจนถึงการเปิดเพจที่มีผู้ติดตามนับแสนคน

Introduction

  • บ้านในฝันของเจ้าของเพจ ‘อยากมีบ้านโว้ยย’ คือบ้านที่พื้นที่ของการอยู่ร่วมกัน และทำกิจกรรมร่วมกันของครอบครัว
  • การซื้อบ้านสักหลังเป็นเรื่องใหญ่ คุณปันจึงอยากเปิดเพจที่ช่วยแก้ Pain Point เปลี่ยนเรื่องบ้านที่เป็นเรื่องยาก ให้กลายเป็นเรื่องง่าย
  • การทำเพจ ต้องรู้จักเปิดมุมมอง เปิดความคิด เข้าใจความชอบที่แตกต่างของคน

กว่าจะมีบ้านสวยๆ สักหลังหนึ่งเป็นของตัวเอง ต้องยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะกว่าจะได้บ้านที่ถูกใจ มีหลายเรื่องให้พิจารณาทั้งเรื่องแบบบ้าน ทำเล ราคา รวมถึงรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ปลีกย่อยที่หลายคนอาจมองข้ามไป

ความยากของการเลือกซื้อบ้านนี้เอง ที่ทำให้เพจอสังหาฯ อย่าง ‘อยากมีบ้านโว้ยย’ กลายเป็นตัวแทนของคนอยากมีบ้าน ช่วยย่อยข้อมูลเปลี่ยนเรื่องยากให้กลายเป็นเรื่องง่าย แชร์ไอเดียแต่งบ้านน่ารักๆ จนเข้าไปอยู่ในใจคนอยากมีบ้านมากกว่า 1 ล้าน Follower การันตีด้วยรางวัลจากงาน Thailand Influencer Award 2021

ขอขอบคุณรูปภาพจาก คุณปัน ภัคสิร์ชา

ในบทความนี้ 9 Conversations ได้มีโอกาสพูดคุยกันแบบเจาะลึกเป็นครั้งแรกกับ คุณปัน ภัคสิร์ชา หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งเพจ ‘อยากมีบ้านโว้ยย’ ในแง่มุมที่หลากหลายตั้งแต่ความฝันเรื่องบ้าน ความฝันในชีวิต ไปจนถึงเรื่อง Work Life Balance ของคนที่มี Passion เรื่องการทำงาน = ความสุข

คุณปัน เริ่มต้นการพูดคุยในวันนี้ด้วยจุดเริ่มต้นเล็กๆ ของเพจ ‘อยากมีบ้านโว้ยย’ ที่ในวันนี้มีผู้ติดตามมากกว่า 1 ล้านคน

“ปันเริ่มทำเพจอยากมีบ้านโว้ยย ร่วมกับเพื่อนสนิท ชื่อวิน ที่รู้จักกันมา 15 ปีแล้วค่ะ ก่อนที่จะเปิดเพจในวันที่ 13 เมษายน 2563 ก็คุยกันว่าจะใช้ชื่อเพจว่าอะไรดี มีการเสนอกันไปมากกว่า 20 ชื่อ จนสุดท้ายมาลงตัวที่ อยากมีบ้านโว้ยย”

เมื่อได้ชื่อเพจมาเรียบร้อยแล้ว คำถามต่อไปที่เกิดขึ้นกับคนที่กำลังคิดเปิดเพจใหม่ นั่นคือจะทำคอนเทนต์อะไรดี?

“หลังจากที่ได้ชื่อเพจแล้ว ก็มานั่งคิดๆ กันว่ายังไงต่อดี สุดท้ายเลยได้ไอเดียว่า เพจอยากมีบ้านโว้ยย จะเป็นแหล่งรวมสาระดีๆ เรื่องบ้าน ในคอนเซ็ปต์คำว่า Love บวกกับ Living เป็น Loving Room ซึ่งเปรียบเสมือนห้องรับแขกที่สร้างจากความรักของเจ้าของเพจ เสมือนเป็นศูนย์กลางถ่ายทอดข้อมูล ให้ความรู้ ให้ไอเดียแต่งบ้าน สานฝันคนอยากมีบ้าน ให้เขาได้มีบ้านอย่างที่ฝันไว้จริงๆ”

บ้านในฝัน ของใครหลายๆ คน รวมถึงคนที่ติดตามเพจอยากมีบ้านโว้ยย อาจหมายถึงการได้มีบ้านสักหลัง ที่เป็นสถานที่เก็บรวบรวมความทรงจำ ความรัก ความอบอุ่นของครอบครัว ไม่ว่าบ้านหลังนั้นจะเล็ก หรือใหญ่ก็ตาม

เช่นเดียวกับคุณปันที่มองว่า บ้านในฝัน คือบ้านที่ “ได้อยู่กับครอบครัว ได้อยู่กับคนที่เรารัก เป็นบ้านที่เพียงพอต่อการอยู่ด้วยกัน ได้ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน”

นอกจากความฝันแล้ว การเลือกซื้อบ้าน หรือคอนโด จำเป็นต้องนำปัจจัยอื่นๆ มาคิดเพื่อประกอบการตัดสินใจด้วย “ต้องดูว่าบ้าน หรือคอนโดแต่ละที่ ตอบโจทย์การใช้งานของเราจริงๆ ไหม แต่ละโครงการมีจุดเด่นไม่เหมือนกัน เช่น บางโครงการเด่นเรื่องทำเล บางโครงการเด่นเรื่องการอยู่อาศัย บางโครงการเน้นการทำงาน เหมาะกับคู่รักหนุ่มสาว มีพื้นที่ให้นั่งทำงาน Work From Home ได้”

แน่นอนว่าข้อมูลที่ช่วยในการตัดสินใจเลือกซื้อบ้านในฝันสักหลังหนึ่ง คือสิ่งที่คุณปัน และเพจอยากมีบ้านโว้ยยพยายามสื่อสารออกไป แต่โจทย์ยากของคุณปันคือ จะทำให้ข้อมูลเรื่องบ้านที่เป็นเรื่องใหญ่ เรื่องยาก ให้กลายเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่ายๆ สำหรับทุกคนได้อย่างไร

เปิดมุมมอง เปิดความคิดให้กว้าง วิธีตีโจทย์ก่อนปั้นคอนเทนต์ของคุณปัน

คุณปันเล่าว่า หลักการทำคอนเทนต์ที่สำคัญที่สุดที่คุณปันยึดถือเป็นอันดับแรก คือ ต้องเปิดมุมมอง เปิดความคิดให้กว้าง

“ต้องเปิดมุมมองเปิดความคิดให้กว้าง ไม่ได้คิดถึงมุมมองของตัวเองเพียงคนเดียว ถ้าคนเข้ามาในเพจ ต้องตีโจทย์ให้ได้ว่าคนจะชอบอะไร”

“คนใกล้ตัว คนในครอบครัว แต่ละคนก็มีความชอบไม่เหมือนกันแล้ว วิธีการนำเสนอของปันจึงต้องหลากหลาย ต้องเข้าไปให้ถึงใจผู้ติดตาม คิดให้ได้ว่าทำยังไงให้เขาอ่าน หรือเห็นแล้วมัน Touch ใจ”

“ที่สำคัญที่สุดของการทำคอนเทนต์ คือการสร้างความเป็นกันเอง อธิบายในภาษาที่เข้าใจได้ง่าย ถ้าเป็นคลิปวิดีโอ เราพูดได้ อธิบายได้ แต่ถ้าเป็นภาษาเขียน ต้องเขียนจากความรู้สึกเหมือนเวลาพูด อ่านทีเดียว เข้าใจง่าย ไม่ต้องอ่านซ้ำ”

เรียนรู้นอกห้องเรียน มอบประสบการณ์ชีวิตอันล้ำค่า

หลังจากที่คุยกันเรื่องวิธีการทำคอนเทนต์ เราเริ่มจับจุดได้ว่า ทุกเทคนิค ทุกวิธีคิดในการทำงานของคุณปัน ล้วนแล้วแต่เกิดจากการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ได้จากการใช้ชีวิตทั้งสิ้น ทำให้เกิดการตั้งคำถามว่า ใครบ้างที่มีส่วนในการเป็น Role Model มอบประสบการณ์อันล้ำค่า ที่สร้างคุณปันในวันนี้

เรื่องนี้คุณปัน ยกความดีความชอบให้กับทุกคนในชีวิต ที่นับว่าเป็นส่วนเติมเต็มประสบการณ์ให้กับคุณปัน “ปันทำงานพร้อมๆ กับเรียนมาโดยตลอด มันเป็นการเรียนรู้นอกห้องเรียน ได้ประสบการณ์จริง”

“เมื่อก่อนปันทำงานโทรทัศน์ เป็นผู้ประกาศข่าว ได้มีโอกาสสัมภาษณ์บุคคลสำคัญ หรือนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จหลายๆ ท่าน เราก็ฟัง และเปิดมุมมอง ได้เรียนรู้ว่าชีวิตจริงเป็นอย่างไร เพราะแต่ละคนมีประสบการณ์ชีวิต และเส้นทางไม่เหมือนกัน เราสามารถเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากแต่ละคน มาเป็นประสบการณ์ของตัวเองได้”

นอกจากจะนำประสบการณ์จากคนอื่นๆ ที่เข้ามาในชีวิต มาปรับเป็นประสบการณ์ของตัวเอง จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ คุณปันยังเชื่อว่า ทุกๆ อย่างเกิดขึ้นจากการหาตัวเองให้เจอว่าชอบ หรือไม่ชอบอะไรด้วยเช่นกัน

“ปันโชคดีที่ได้เลือกเรียน และทำงานในสิ่งที่ชอบ เป็นความโชคดีของปันที่ค้นหาตัวตนได้เร็ว แต่ก็ไม่ได้บอกว่าเส้นทางของปันถูกเสมอไป เพราะเส้นทางของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทุกคนล้วนมีความชอบและความถนัดเฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไป”

เมื่อได้ทำในสิ่งที่ชอบ การทำงานจึงกลายเป็นความสุขอย่างหนึ่งในชีวิตของคุณปัน “ความสุขกับการทำงาน คือเรื่องเดียวกัน ปันมีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำงาน ไม่ได้รู้สึกว่าอะไรคืองาน”

“เมื่อมีความสุขกับงานที่ทำ เลยไม่ได้รู้สึกว่างานเป็นเรื่องหนักหนาสาหัส แต่ถ้าถามว่าทุกงานที่ทำมีปัญหาอุปสรรคบ้างหรือไม่ แน่นอนว่ามี แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยการเรียนรู้จากปัญหา ไม่ว่าเจอปัญหาอะไร เราก็จะหาทางออกได้เสมอ”

“ด้วยความที่เป็นคนที่ไม่ค่อยเครียดอยู่แล้ว ไม่รู้จะเครียดกับการทำงานไปทำไม งานคือสิ่งที่ทำให้มีความสุข เหมือนที่บอกว่าถ้าเจอสิ่งที่เราชอบ เราจะทำมันได้ดี และมีความสุข มันก็สอดคล้องกับที่ทำในปัจจุบัน ไม่ว่าจะทำกี่อาชีพ มันเป็นสิ่งที่เลือกทำแล้ว ก็จะมีความสุขกับงาน”

มีความสุขกับการทำงาน แต่ Work Life Balance ก็สำคัญ

แม้คุณปันจะมีความสุขกับการทำงาน เพราะได้ทำในสิ่งที่รัก จึงมีความสุขโดยไม่ต้องฝืนทำในสิ่งที่ไม่ชอบ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณปันจะปล่อยให้งานกินเวลาทั้งหมดของชีวิตไป ดังนั้น Work Life Balance หรือสมดุลระหว่างการทำงาน กับชีวิตส่วนตัว จึงกลายเป็นอีกสิ่งที่คุณปันเน้นย้ำกับเรา

คุณปันรักษาสมดุลด้วยการแยกเรื่องงาน ออกจากเรื่องส่วนตัวอย่างชัดเจน ตั้งแต่การแยกเบอร์โทรศัพท์ และไลน์สำหรับการทำงาน “ปันมี 2 เบอร์ เบอร์นึงเป็นเบอร์ส่วนตัว ส่วนอีกเบอร์นึงจะเป็นเบอร์สำหรับการทำงาน ไลน์ก็เช่นกัน”

เมื่อเส้นแบ่งมีความชัดเจน ก็จะกลายเป็นว่า “ในเวลางานก็คุยแต่เรื่องงานจริงๆ ไม่ได้มีเรื่องส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง ยกเว้นเวลาพัก ค่อยเอาเรื่องเล็กๆ น้อยๆ มาแชร์ แต่ไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาคุยเวลาทำงาน”

“แต่เมื่องานเสร็จ หรือเลิกกองแล้ว เราจะมีกิจกรรมที่ทำร่วมกัน เช่น ถ่ายรูปร่วมกับน้องๆ ทุกคนในทีม บางครั้งก็ถ่ายคลิป TikTok เล่นกัน มันเป็นการสร้างปฎิสัมพันธ์ สร้างความสนุกสนาน และความเป็นกันเองระหว่างการทำงาน”

“แม้แต่วิน ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งเพจอยากมีบ้านโว้ยยอีกคนหนึ่ง แม้เป็นเพื่อนกัน ถ้าจะคุยเรื่องส่วนตัว ก็จะส่งข้อความมาที่อีกไลน์หนึ่ง เพราะเราเข้าใจ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ทุกคนล้วนมีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง เมื่องานจบแล้วเราก็สามารถไปใช้ชีวิตต่อได้”

เมื่อถามถึงความฝันของคนที่ไม่เคยหยุดนิ่งอย่างคุณปัน ว่าเป้าหมาย หรือความฝันที่อยากทำในอนาคตของคุณปันคืออะไร เรื่องนี้คุณปันย้อนกลับไปถึงคำพูดของตัวเองเรื่องการเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากบุคคลที่เข้ามาในชีวิต เพราะแต่ละคนย่อมมีเรื่องราว ประสบการณ์ที่น่าค้นหา และน่าเรียนรู้เป็นของตัวเอง

“ปันมีความฝันที่อยากจะทำเพจ และ YouTube ช่องใหม่ของตัวเองเพิ่ม ชื่อช่องว่า ปันพักสิ เป็นการแชร์เรื่องราวการพักผ่อน และกิจกรรม ในมุมมองที่หลากหลาย อยากให้หลายๆคนได้พักไปพร้อมๆกับปัน และได้รู้จักตัวตนของปันมากยิ่งขึ้น”

ไม่ใช่แค่เรื่องการแชร์ตัวตนให้โลกได้เห็นเท่านั้นที่เป็นความฝันในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ต่อจากนี้ของคุณปัน เพราะคุณปัน ยังมีอีกหนึ่งตัวตน ที่อยากแสดงให้คนอื่นๆ เห็น นั่นคือการรับบทบาทเป็นพิธีกรสัมภาษณ์บุคคลที่มีความคิดน่าสนใจ เพราะโดยพื้นฐานแล้ว คุณปันเป็นคนมีวาทะศิลป์ ช่างพูด ช่างคุย ซึ่งถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของผู้หญิงคนนี้

“ปันอยากสัมภาษณ์พี่โค้ด เสือร้องไห้ เพราะพี่โค้ดทำเสือร้องไห้มานาน  มุมมองของพี่โค้ดกว้างมากในแง่มุมของการทำงาน การบริหาร การทำรายการ ปันมองว่าพี่โค้ดเป็นคนเก่งคนนึงเลย”

อีกคนที่คุณปันอยากพูดคุยด้วยคือ คุณเคน นครินทร์ “ปันอยากคุยกับพี่เคน นครินทร์ เพราะพี่เคนมีชีวิตที่น่าสนใจ เป็นคนเก่ง อ่านหนังสือเยอะ ชอบเขียน ชอบพูดคุย ชอบสัมภาษณ์ ปันอยากได้เทคนิคดีๆ ในการทำงาน ซึ่งทั้งพี่โค้ด และพี่เคนเป็นสองคนแรกๆ ที่ปันนึกถึง อยากเจอ อยากพูดคุยด้วย”

และนี่คือเรื่องราวทั้งหมดที่เราได้พูดคุยกับคุณปัน ภัคสิร์ชา เจ้าของเพจ ‘อยากมีบ้านโว้ยย’ ที่เปลี่ยนความรู้เรื่องบ้านของตัวเอง เป็นคอนเทนต์ที่เติมเต็มความฝันให้กับคนอยากมีบ้าน จากประสบการณ์ และวิธีคิดที่คุณปัน ได้เก็บเกี่ยวจากการทำงาน การเรียนรู้นอกห้องเรียนตลอดชีวิตของเธอ