อินฟลูเอนเซอร์ด้านไฟแนนซ์ ผู้กล้าออกจาก Comfort Zone เพื่อเปลี่ยนชีวิตตัวเอง
Stock Journoey อินฟลูเอนเซอร์ด้านไฟแนนซ์ ผู้กล้าออกจาก Comfort Zone เพื่อเปลี่ยนชีวิตตัวเอง
Introduction
- จุดเริ่มต้นของ “Stock Journoey“
- คำพูดสำคัญของ คุณพ่อ
- บันทึกหน้าต่อไปของ คุณเนย
การตัดสินใจลาออกจากนักศึกษาเรียนปริญญาโท วิศวะ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก้าวออกจาก Comfort Zone ของตัวเองจนกลายเป็นอินฟลูเอนเซอร์เกี่ยวกับไฟแนนซ์ที่มีผู้ติดตามอยู่ไม่น้อย พบกับเธอคนนี้ ‘คุณเนย Stock Journoey’ มาพบกับแรงบันดาลใจของเธอว่าอะไรที่ทำให้เธอตัดสินใจเปลี่ยนชีวิตของตัวเองได้ที่ 9Conversations
จุดเริ่มต้นของ Stock Journoey
“เกิดขึ้นตอนที่เนยมาแข่งเทรด เป็นโครงการของ Boker พอเข้ารอบ เขาจะให้ไปรายการ Money channel ซึ่งตอนนี้ปิดไปแล้ว ของตลาดหลักทรัพย์”
“เนยมาจากเชียงใหม่คนเดียว ทำให้เราไม่มีเพื่อนในวงการนี้ เพราะเนยจบวิศวะมา เราเลยอยากมีสังคมนักลงทุน แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เราตัดสินใจทำเพจขึ้น เพราะอยากให้คนที่มีความรู้มาช่วยกันแนะนำ และเป็นเหมือนบันทึกให้กับมือใหม่จะได้ตามอ่านด้วย”
“ตัดสินใจเรียนวิศวะ เพราะชอบคำนวณ ไม่ต้องจำอะไรเยอะ จำแค่สูตรสามตัวแปร และเราสามารถเอาสูตรตรงนี้ไปจัดการได้หมด และชอบคิดอะไรที่เป็นลำดับ เหตุผล แต่ตอนนั้นมีจุดเปลี่ยนที่ติดโครงการเทรด จึงตัดสินใจลาออกจากการเรียนป.โทวิศวะไป มาแข่งอย่างจริงจัง และขอเวลา 1 ปีพิสูจน์ตัวเองจากคุณพ่อ ขอคุณพ่อเป็น Trader ดู ถ้าไม่ไหวค่อยกลับเชียงใหม่”
พ่อให้เงินก้อนมาลงทุน
หลายคนอาจจะคิดว่าการที่เราจะได้รับเงินเดือนที่สูง ต้องมาจากปัจจัยหลายอย่างทั้งชื่อของบริษัท ประวัติการเรียนและการทำงาน และอีกหลายปัจจัยที่จะทำให้ได้มากซึ่งเงินเดือนที่สูง แต่สำหรับคุณพ่อคุณเนยท่านคิดต่างออกไป
“คุณพ่อเนย ท่านมองว่าถ้าเรามีความรู้ด้านการเงินที่ดี แล้วนำไปต่อยอด จะทำให้เราบริหารจัดการเงินได้ดี มันจะเป็นสิ่งที่เราประสบความสำเร็จในชีวิตได้ คุณพ่อเลยบังคับให้ซื้อหุ้นตาม ท่านให้เงินก้อนมา เป็นเงินจากประกันสะสมทรัพย์คุณพ่อ ซึ่งเนยไม่ได้สนใจเลย ลองซื้อปุ๊ป ติดลบตั้งแต่ตอนแรกเลย มันหายไปหลักหมื่นเลย แต่พอ 6 เดือนผ่านไป หุ้นที่คุณพ่อเลือกให้ซื้อตามมันก็ขึ้น ซึ่งเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดีอยู่แล้ว ทำให้เราได้ส่วนต่างของราคา และได้เงินปันผลจากบริหารที่เราลงทุน”
เงื่อนไขในการลงทุนที่ดีสำหรับคุณเนย “เราต้องเลือกหุ้นที่พื้นฐานดี และกำไรเติบโต”
ซึ่งในปัจจุบันคุณเนยเองเป็นนักลงทุนแบบสายกราฟ แกร่งกำไรจากราคา แต่คุณพ่อเธอจะเป็นนักลงทุนสาย VI (value investor) เขามองว่าซื้อหุ้นคือการซื้อกิจการ และรอรับเงินปันผล ถือยาวๆ และนี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอสนใจการเทรด และการลงทุนอย่างจริงจัง
จากการตัดสินใจเสี่ยงครั้งนั้น
“ตอนนั้นคิดแค่ว่าทำอย่างไรให้เราเก่งได้ไว และไม่จำเป็นต้องใช้ทุนเยอะ โครงการการแข่งขันตอนนั้นมีการให้ความรู้ฟรี และมีความกดดันที่เราต้องทำการบ้านอย่างหนัก ใช้การวางแผนที่ดี ต้องมีสติในการลงทุน”
“บวกกับคุณพ่อสนับสนุนด้วย ทำให้เราตัดสินใจแบบนั้น ตอนนั้นเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นขาขึ้นด้วย และเราก็รู้สึกเก่งละ ซื้ออะไรก็ขึ้นไปหมด แต่เมื่อตอนที่เจอตลาดขาลงก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน แต่คุณพ่อก็จะคอยบอกว่า ดีแล้วแหละ เราจะได้เจอตลาดทุก cricle เราก็พยายามศึกษาทุกโปรดักส์อย่างอื่นด้วยทั้ง Futures อนุพันธ์ มีกองทุนรวม หุ้นร่วม ที่ทำให้เราสามารถลงทุนตามวัฏจักรของเศรษฐกิจได้”
“ส่วนหนึ่งที่ทำให้เนยมาถึงจุดนี้ เพราะครอบครัวสนับสนุน และเป็นความชอบของเนยด้วย เนยเป็นคนที่ทำอะไรก็ได้ ที่ผลตอบแทนมันขึ้นลงตามความพยายามของเรา สำหรับการลงทุนถ้าเราทำการบ้านหนัก เรายิ่งได้ผลตอบแทนเยอะ ในทางกลับกันถ้าเราขี้เกียจ ไม่วางแผน มันอาจจะทำให้ติดลบได้”
การเติบโตของบันทึกการลงทุน
ถ้าถามถึงจุดเด่นของเพจ เราคิดว่า ทุกคนน่าจะชอบในการที่คุณเนยนั้นเอาข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนที่ทั้งซับซ้อน และยาก มาย่อยเป็นคล้ายกับ Short Note ที่ทำให้อ่านได้ง่ายจนทำให้มีคนติดตามเธอมากขึ้นเรื่อยๆ
“เนยมองว่าเราค่อยๆ โตไปพร้อมกัน หมายความว่า ข้อมูลในเพจจะค่อยๆ เรียงลำดับความง่ายไปถึงซับซ้อน จากสิ่งที่เนยได้เรียนรู้จากตลาดหุ้น”
กระแสตอบรับจากผู้ติดตาม
“ส่วนใหญ่ผู้ติดตามจะเป็นน้องๆ Gen z กำลังเข้ามหาลัย เริ่มเปิดพอร์ตไดั มาตามอ่าน ตอนนี้กำลัง BCA (Benefit-Cost Analysis) เขาได้เลือกหุ้นพื้นฐานดี และลองตามเข้าตอนที่เราบอก ตามคำแนะนำจากในเพจ”
และอีกหนึ่งผู้ติดตามที่สร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับคุณเนย นั้นคือ ผู้พิการทางสายตา ที่ติดตามและให้ความสนใจเรื่องการลงทุน มันยิ่งสะท้อนให้เห็นว่าการลงทุนเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวกว่าที่เราคิด และหากเรายิ่งเตรียมตัวให้ดี การบริหารจัดการเงินที่ยิ่งดีมากขึ้นในอนาคต
“น้องผู้พิการทางสายตา ซึ่งเป็นกลุ่มที่เทรด ลงทุนด้วย เขาจะมีโปรแกรมอ่านตัวหนังสือในหน้าจอคอม เป็นเหตุผลที่เนยเขียนแคปชันยาว และละเอียด เพราะมีน้องๆ ผู้พิการตามอ่านอยู่ ทำให้เนยรู้สึกว่าเขาสู้ และมีการวางแผนที่ดีมาก เป็นกำลังให้เนยพยามหาข้อมูล และพยายามทำงานให้ละเอียด”
คำบอกกล่าวจาก ‘คุณพ่อ’
คุณพ่อของคุณเนยจะบอกกับเธอตลอดว่า ‘อย่าลืมตัวเองนะ อะไรที่ทำให้เรามาถึงจุดนี้ได้’ สำหรับคุณเนยเธอบอกว่าสิ่งที่ท่านหมายถึง คือ “ความขยัน ความพยายาม และรวมถึงการแบ่งปันด้วย เมื่อก่อนเราเคยได้รับโอกาสอย่างไร ตอนนี้ที่เราสามารถหยิบยื่นโอกาสให้คนอื่นได้ ก็อย่าลืมมอบให้คนอื่นด้วย”
และท่านยังสอนให้คุณเนยได้รู้จักการใช้เงินให้เหมาะกับหน้าที่ของเงิน “ถ้าเราหาเงินมาได้ มีหน้าที่ต้องใช้มันนะ หมายถึง เราต้องมอบหมายหน้าที่ให้กับมัน เราต้องแบ่งก่อนว่าเงินส่วนนี้มีหน้าที่ทำอะไร แล้วมันจะไม่ป่นกัน เงินเก็บ ให้เก็บไว้ เงินต่อยอดให้เลือกลงทุน เงินเป็นของขวัญก็ให้ตัวเอง ใช้เงินตามหน้าที่ของมัน”
ครีเอเตอร์สายไฟแนนซ์
สิ่งที่คุณเนยบอกกับตัวเองอยู่เสมอ อาจจะเป็นสิ่งที่อยากส่งต่อให้ถึงกับอินฟลูเอนเซอร์สายไฟแนนซ์ที่กำลังจะทำคอนเทนต์ หรือที่ตั้งใจทำคอนเทนต์ อยากให้ลองคิดแบบที่คุณเนยได้บอกกับเราว่า “ถ้าเรามั่นใจว่าสิ่งที่เราทำมีประโยชน์ ทั้งกับตัวเรา และสังคม ขอให้ตั้งใจทำต่อไป เรื่องการเงิน เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เราอาจจะได้ทั้งก้อนหิน และดอกไม้ ให้เราเลือกเก็บเฉพาะดอกไม้ แต่สิ่งไหนที่ติเพื่อก่อให้เรารับฟังเขา และอยากให้พยายามหาข้อมูลให้ละเอียดจริงๆ หรือถ้าพลาดไปก็ยังสามารถแก้ไขได้ เราไม่จำเป็นต้องจมกับความรู้สึกนั้น”
บันทึกหน้าต่อไปของเนย
“เรื่องการจัดพอร์ตลงทุนแนวเกษียณ ตอนแรกเนยไม่ได้มองไกล เพราะโลกเราเปลี่ยนไปเร็วมาก แต่พอเนยไม่ได้มองไกล บางทีทำให้เราเตรียมตัวไม่ทัน ตอนนี้เราโฟกัสในการจัดพอร์ต เพื่อเป็นแนวทางในตอนเกษียณ คนติดตามเราส่วนมากจะอายุ 20-30 ปี เป็นวัยทำงาน ถ้ายิ่งวางแผนไว้ จะได้ไม่เหนื่อยตอนอายุเยอะแล้ว”
ทั้งนี้สำหรับใครที่มีความสนใจเรื่องการลงทุน อยากที่จะบริหารจัดการด้านการเงินให้ดี เพื่อผลประโยชน์ต่อตัวเองในอนาคต อยากแนะนำให้ลองเข้าไปติดตาม ‘คุณเนย Stock Journoey’ ที่เธอนั้นมีความต้องการที่จะถ่ายทอดความรู้จากประสบการณ์ในการลงทุนของเธอให้กับคนที่เข้ามาติดตาม ผ่านการทำเรื่องยากๆ ให้สามารถเข้าใจได้ง่ายมากที่สุด