คู่รักนักฟิต กับ Passion ในการทำคอนเทนต์สุขภาพ
Squat Couple คู่รักนักฟิต กับ Passion ในการทำคอนเทนต์สุขภาพ
Introduction
- จุดเริ่มต้นในความชอบออกกำลังกาย
- Passion ในการทำคอนเทนต์สุขภาพ
‘Squat Couple’ คู่รักนักฟิตอย่างคุณเน และคุณโม ที่เพิ่งแต่งงานกันไป ที่เริ่มจากต่างฝ่ายต่างทำเพจของตัวเองก่อน จากนั้นได้ตัดสินใจเปิดช่องร่วมกัน โดยนำเสนอคอนเทนต์ออกกำลังกายที่ทำให้ผู้ชมทั้งการออกกำลังกายแบบแอดวานซ์ และสำหรับมือใหม่เป็นแบบไหน และใครจะเลือกออกกำลังกายตามใครก็สามารถทำได้หมด วันนี้เราจะชวนทุกคนหันมารักสุขภาพมากขึ้นผ่านการทำความรู้จักกับเขาทั้งสองที่ 9Conversations
จุดเริ่มต้นในความชอบออกกำลังกายของทั้งสอง
คุณเน ที่ก่อนหน้านี้เป็นเจ้าของช่อง ‘เนฟิต’ ได้เผยถึงจุดเริ่มต้นของตัวเขาที่เข้ามาสู่วงการอินฟลูเอนเซอร์สายฟิตเนส และตอนนี้เขาเป็นเจ้าของฟิตเนสเองด้วย “ผมอยู่ในวงการฟิตเนสมานาน ตั้งแต่ประกวดเพาะกายมาก็เริ่มสนใจทางด้านนี้ เรียนต่อจนได้ใบเซอร์ แล้วมาทำฟิตเนส ซึ่งตอนนี้ก็มี 2 สาขา ตอนนั้นผมก็พยายามเลือกอุปกรณ์ออกกำลังกายในฟิตเนส ซึ่งตอนนั้นผมเห็นลูกค้าหลายคนอาจจะไม่ได้เล่นเครื่องออกกำลังกาย หรือออกกำลังผิดกายท่าบ้าง ในโซนเครื่องออกกำลังกายจะว่างมาก คนอาจจะยังไม่มีการ Educate มากพอในการเล่นกล้าม ทำให้คนกลัวว่าเล่นกล้ามแล้วจะตัวใหญ่ไป ซึ่งมันไม่ตอบโจทย์ในฟิตเนสที่ผมสร้างขึ้นมา ผมเลยเปิดช่องและเพจขึ้นมา เพราะว่า เราสามารถสอนอะไรก็ได้เกี่ยวกับวิธีการออกกำลังกายที่ถูกต้อง”
แล้วในส่วนของคุณโม ซึ่งก่อนหน้านี้เธอก็มีเพจเป็นของตัวเองเช่นกัน ‘MOFIT’ เธอเริ่มเข้าวงการเวทเทรนนิ่งอย่างจริงๆ เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เธอบอกว่า “ช่วงแรกเราเป็นมือใหม่ เพิ่งฝึกเล่นกับคุณเน แต่ในระยะแรกเราไม่ตั้งใจจะเปิดช่องร่วมกัน อาจจะมีโพล่มาในช่องคุณเนบ้าง แต่ทำช่องด้วยเองด้วย ซึ่งตอนนั้นแยกกันในส่วนของ Target ผู้ชาย และผู้หญิง แต่สุดท้ายเราก็ยังอยู่ในเพจของกันและกัน ช่วยกันทำ และช่วยกันสอน เราเลยตัดสินใจที่อยากจะให้เพจของเราเข้าถึงทุกเพศทุกวัย ทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกว่าการออกกำลังกายตามเรามันสามารถทำได้ เลยเปิดเพจและช่องร่วมกัน”
ย้อนกลับไปสมัยเรียนกับความฝันเมื่อก่อน
ทั้งคู่เรียนสายโรงแรมกันในสมัยเรียน จึงไม่ได้คิดมาก่อนว่าจะมาทำเพจหรือเป็นอินฟลูเอนเซอร์สายนี้ แต่ทางคุณเนเอง เขาเป็นคนชอบออกกำลังกายมาตั้งแต่สมัยเรียน แทบจะโดดเรียนไปออกกำลังกาย หรือยอมติด F เพื่อให้มีเวลาไปเล่นฟิตเนส เพราะเขาบอกว่า เขาทำด้วย Passion และความชอบส่วนตัว ที่เชื่อว่าการออกกำลังกายจะต้องอาศัยความสม่ำเสมอจึงจะสำเร็จ หากต้องการอยากจะเพิ่มมวลกล้ามเนื้อมากขึ้น และรูปร่างดี
ฝั่งทางคุณโมเอง เธอนั้นเลือกเรียนตามกระแส ไม่ได้มี Passion ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งชัดเจน จบมาทำงานที่โรงแรมได้ช่วงหนึ่งก็เปลี่ยน เปลี่ยนอาชีพไปเรื่อยๆ ถือเป็นช่วงลองผิดลองถูกและตามหาสิ่งที่ตัวเองชอบ แต่ประจวบกับช่วงที่คุณเนเริ่มทำเพจ และเขาต้องการให้คนมาดูแลหลังบ้านของเพจ คุณโมจึงตัดสินใจเข้าไปช่วยทำ เธอเลยมีโอกาสได้ศึกษาการออกกำลังกายเวทเทรนนิ่งไปด้วยทำให้เธอหลงรักกการออกกำลังกายมากขึ้น “จนระยะผ่านมา 5 ปี การเข้าฟิตเนสเหมือนเป็นกิจวัตรประจำวันซึมซับเข้าไปในชีวิตของโมแล้ว ทำให้โมมองว่าการออกกำลังกายและทำเพจเป็นสิ่งที่เรารักและอยากจะทำ เพราะทั้งส่งผลต่อสุขภาพและสามารถให้การออกกำลังกายของเราเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นได้”
การออกกำลังกาย มันส่งผลอะไรกับเราบ้าง
คุณเน > อาจจะช่วยทุกเรื่องเลย เพราะว่าการที่เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลง ความแข็งแรงของร่างกายตัวเอง หรือสุขภาพในทุกด้าน มันเปรียบเสมือนการใช้ชีวิต ที่ทุกอย่างต้องใช้เวลา อยากจะแข็งแรงขึ้น จะต้องใช้เวลา แต่จะเห็นผลก็ต่อเมื่อเราทำมันสม่ำเสมอ พอระยะเวลาผ่านไป เราจะยิ่งเห็นผล มั่นใจขึ้น ไม่มีใครครั้งแรกแล้วสมบูรณ์แบบเลย มันเกี่ยวกับชั่วโมงบิน สะสมไปเรื่อยๆ ถ้าเรามองอีกด้านหนึ่งที่นอกจากการออกกำลังกายแล้ว มันอาจจะรวมไปถึงอื่นๆ ในชีวิต เช่น การทำงาน การทำช่อง ที่ต้องอาศัยการเรียนรู้สะสมไปเรื่อยๆ พอทำไปได้ระยะหนึ่งมันจะเห็นผลดีได้เหมือนกัน
คุณโม > โมรู้สึกว่าการออกกำลังกายมันทำให้ตัวเราและทุกคนรู้จักคำว่า รักตัวเอง จริงๆ หลายคนอาจจะพูดว่ารักตัวเอง แต่เรายังไม่ได้เริ่มจากสิ่งแรกเลย นั้นคือการดูแลสุขภาพก่อน ซึ่งมันไม่ได้หมายถึงการลุกไปออกกำลังกายในทุกวัน แต่มันหมายถึงการนอนพักผ่อนให้เพียงพอ การกินสิ่งที่ดีเข้าไปในร่างกาย เมื่อก่อนเราไม่เคยสนใจ โดยที่เราไม่รู้เลยว่าคำว่ารักตัวเองมันไม่จริง ไม่ได้คิดว่าสุขภาพดีมันคืออะไร
ไม่กล้าไปยิม เพราะมีการบูลลี่ทางสายตา จะทำอย่างไรดี
“ส่วนตัวโมคิดว่าเราไม่สามารถห้ามความคิดของคนอื่นได้ แต่ว่าเราสามารถกำกับความคิดของเราว่าเราต้องทำสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง ไม่ใช่การพยายามเพื่อคนอื่น เพราะว่า สายตานั้นมันอาจจะเป็นสายตาที่เราคิดไปเองหรือเปล่า เราไม่อาจทราบได้ แต่ต่อให้เรารู้ มันก็ไม่ส่งผลดีอะไรกับสุขภาพจิต และสุขภาพกาย โมรู้สึกว่าวิธีเดียวเลยคือเราต้องมั่นใจ การที่เราเดินเข้ายิมไปมันเป็นการที่เราทำเพื่อตัวเอง ไม่ใช่เพื่อเปรียบเทียบกับคนอื่น เราทำเพื่อตัวเอง อยากเป็นกำลังใจให้กับคนที่ไม่กล้า ว่าในท้ายที่สุดทุกคนต้องโฟกัสกับชีวิตตัวเอง ถ้าเราไม่โฟกัสตัวเองเราจะไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้” เป็นคำตอบที่ทั้งคุณโมและคุณเนเห็นตรงกัน รวมถึงเราด้วยว่าทุกคนควรหันมาโฟกัสและทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง
Passion ทำคอนเทนต์สุขภาพเพื่อกระตุ้นคนอื่น
เราได้ถามคำถามว่าอะไรที่ทำให้พวกเขามี Passion ในการทำคอนเทนต์สุขภาพออกมา เริ่มที่ฝั่งคุณเนที่ได้บอกกับเราว่า “ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่เราทำได้ดี และถนัด และผมไม่เคยคิดเงินคนดูจากการสอนออกกำลังกาย ผมอยากจะทำอะไรเพื่อสังคม ผมอ่านคอมเมนต์ที่ว่าน้ำหนักลดแล้ว หรือมีการเปลี่ยนแปลงแบบไหนเกิดขึ้น มันทำให้เราอยากทำคอนเทนต์ต่อ เราเองก็พยายามพัฒนาช่องต่อไป และมีเป้าหมายอยากจะให้ช่องออกกำลังกายที่กระจายให้คนดูออกไปทั่วโลก”
คุณโมเองก็มีความรู้สึกดีใจที่คนดูคอนเทนต์จากช่องแล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีกับตัวของคนดูเอง “คนดูเขาเอ็นจอยและเอ็นเกจกับสิ่งที่เราพยายามสื่อสารออกไป เรารู้สึกดีใจที่คนดูรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะทั้งน้ำหนัก หรือสุขภาพ หรือการที่คนดูบอกว่าเราเป็นคนทำให้เขาอยากออกกำลังกาย จากคนที่ไม่เคยออกกำลังกายเลย เหมือนเราได้ช่วยใครหลายๆ คนผ่านคอนเทนต์ และมันสำเร็จ”
ความรู้สึกสำหรับรางวัล Thailand Influencer Awards
“เป็นรางวัลแรกของช่อง Squat Couple ดีใจที่มีรางวัลนี้ มันทำให้เราชื่นใจ ตอนแรกเราเองสงสัยว่าใช้เกณฑ์อะไร เพราะยังมีอีกหลายช่องที่เราเองติดตาม แต่ไม่ได้เข้าชิง แต่สุดท้ายเราก็ดีใจ ขอบคุณทางผู้จัดด้วยครับ/ค่ะ”
การหันมารักสุขภาพมากขึ้น และต้องการจะส่งต่อความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการออกกำลังกายผ่านคอนเทนต์ของช่อง ‘Squat Couple’ ที่เข้าใจว่าคนออกกำลังกายต้องการอะไร หวังว่าหลังจากอ่านบทสัมภาษณ์ทั้งหมดแล้วนั้น จะทำให้ทุกคนรู้สึกอยากที่จะเริ่มหันมาโฟกัสที่ตัวของเราเอง และรู้จักที่รักตัวเอง รักสุขภาพให้มากขึ้น อาจจะเริ่มจากจุดเล็กๆ ที่เราสามารถทำได้ในทุกวัน จากนั้นมันจะกลายเป็นชีวิตประจำวันของเราโดยไม่รู้ตัว แต่อย่างน้อยเชื่อว่าสิ่งนั้นจะทำให้สุขภาพของคุณดีขึ้นอย่างแน่นอน