ผู้สร้างคอนเทนต์เรียกเสียงฮา กับอีกหลายบทบาทที่กำลังก้าวเดิน
Mario Jok ผู้สร้างคอนเทนต์เรียกเสียงฮา กับอีกหลายบทบาทที่กำลังก้าวเดิน
Introduction
- จุดเริ่มต้นในวัยนักศึกษา
- ความท้าทายในการทำเพจ
- ทำงานด้วยความ “ตลก” แต่ยังคงทำงานกับลูกค้าได้
จากผู้สร้างคอนเทนต์เรียกเสียงฮา จนตอนนี้กลายเป็นศิลปิน นักแสดง และกำลังจะก้าวขึ้นเป็นผู้กำกับภาพยนต์ในอนาคต กับเขาคนนี้อินฟลูเซอร์ผู้มากความสามารถอย่าง ‘คุณมารีโอ้ โจ๊ก’ ที่กำลังประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก แต่กว่าที่เขาจะพลิกชีวิตมาได้ขนาดนี้ ต้องผ่านความยากลำบากอะไรมาบ้าง มาติดตามและรู้จักตัวตนของเขาไปพร้อมกันใน 9Conversations
สกิลการแสดงเรียกเสียงฮา เริ่มมาจากจุดไหน
“เริ่มมาตั้งแต่สมัยเรียน เพราะเวลามีกิจกรรมการแสดงอะไร เราก็จะชอบเข้าร่วมไปแสดงตลอด และบวกกับเวลาเราอยู่กับเพื่อน อยู่กับคนอื่น เราอยากจะสร้างเสียงหัวเราะให้กับคนอื่น เป็นคนตลกมาแต่ไหนแต่ไร”
“ตอนมหาลัย เราจะมีความจริงจังกับชีวิตมากขึ้น จะไม่ค่อยได้เข้าร่วมกิจกรรมเท่าไหร่ เพราะเราต้องเรียน และทำงานพาร์ทไทม์ไปด้วย” ซึ่งตอนนั้นคุณโอ้ไม่ได้สนใจเรื่องโซเชียลมีเดีย เขาต้องโฟกัสว่าจะทำอย่างไรให้เขามีเงินเพื่อส่งตัวเองเรียนให้ได้ ด้วยฐานะที่ไม่ได้ร่ำรวย ทำให้เขาต้องทำงานส่งตัวเองเรียน
คุณโอ้เรียนจบสายคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ออกแบบกราฟฟิก พอจบมาก็ทำหลากหลายอาชีพซึ่งไม่ได้ตรงกับสายที่เรียนมา ทำทุกอย่างตั้งแต่พนักงานห้าง เด็กเสิร์ฟ ผู้จัดการร้านอาหาร เชฟพาสต้าบ้าง และมีโอกาสได้ไปเดินสายกับคณะหมอลำ เสียงอีสาน และอาชีพสุดท้ายคือ พนักงานออกแบบกราฟฟิก ก่อนจะผันตัวมาทำคอนเทนต์เต็มตัว คุณโอ้เองมีความต้องการที่อยากจะทำให้งานแบบที่เป็นนายตัวเอง เป็นอาชีพอิสระ เมื่อเห็น YouYube ว่าสามารถรายได้ได้ จึงตัดสินใจลาออก โดยไม่ลังเล เป็นจุดเริ่มต้นของเขา ย้อนไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว
คอนเทนต์ที่จุดพลุให้กับช่อง
“คอนเทนต์แรกๆ เป็นการนั่งกินอาหารอีสาน และพูดคุย แต่ปรากฎว่ายอดวิวมันแค่หลักร้อยถึงพัน คนติดตามแค่หลักพัน รายได้ไม่ถึงพัน จากเรามีงานที่มั่นคง กลายเป็นว่าเราอยู่ในจุดที่ต่ำที่สุด ตอนนั้นเงินเก็บประมาณสี่หมื่นกว่าบาท มันก็เริ่มร่อยหรอ อดทนทำคลิปกินโชว์มาเป็นปี จนตัดสินใจทำคลิปตลกดีกว่า ทำคลิปล้อเลียนรายการ Masterchef ผลตอบรับดีกว่า ยอดวิวหลักล้านภายในข้ามคืน”
และช่วงนั้นเป็นช่วงที่ TikTok กำลังเข้ามาคุณโอ้จึงตัดคลิปสั้นๆ ไปลงในแพลตฟอร์มอื่นด้วย และได้รับกระแสตอบรับที่ดี ทำให้เขาจับทางคอนเทนต์ของตัวเองได้ว่า จะทำคอนเทนต์สายตลก เรียกเสียงฮา
ผลงานเพลงของตัวเอง
“เป็นความฝันตั้งแต่เด็กของเรา ที่เราอยากเป็นดารานักแสดง นักร้อง ทั้งๆ ที่เราไม่ได้มีทักษะการร้องเพลง แค่มีความต้องการอยากลองทำสักครั้งหนึ่งเพื่อสนองความฝันของตัวเอง ทำออกไปไม่ได้สนใจยอดวิวด้วยซ้ำ เริ่มจากติดต่ออาจารย์สเลอปี้มาแต่งเพลงให้ ติดต่อจิมมี่เรียบเรียงดนตรีให้ ปล่อยเพลงออกไป ปรากฎว่าติดอันดับมาแรง และยอดวิวหนึ่งล้านภายใน 14 ชั่วโมง เพลง แม่ใช้ล้างถ้วย”
ซึ่งไอเดียการทำเพลงในแต่ละครั้ง คุณมารีโอ้จะเป็นคนคิดเนื้อหาของเพลง ว่าอยากให้พูดถึงอะไร และต้องการจะสื่ออะไรในท่อนไหน เขียนสรุปออกมาเป็นเรียงความเลยก็ว่าได้ จากนั้นจึงให้ท่านอื่นเข้ามาช่วยเรียบเรียงเนื้อเพลงให้สวยงามอีกที เป็นไอเดียภาพจำจากวัยเด็กของคุณมารีโอ้เองด้วย
แต่กว่าจะทำเพลงตัวเองออกมาได้ มันมีเรื่องราวที่ยากกว่าที่คิด “การทำเพลงยากมากครับ เพราะเราไม่เคยทำเพลง ไม่เคยเรียนร้องเพลงมาก่อน ไม่ได้มีเสียงที่ดี แค่ขอให้ถูกคีย์ก็พอ กว่าจะร้องได้แต่ละเพลง เราต้องฝึกตลอด และทุกวันนี้ก็เรียนร้องเพลงเพิ่ม” ผลตอบรับที่เกิดคาด ทำให้คุณมารีโอ้ยิ่งมีแรงอยากทำผลงานเพลงออกมาอยู่เรื่อยๆ
ซึ่งนอกเพลงที่คิดเองแล้วนั้น มิวสิควิดีโอก็เป็นคุณมารีโอ้ที่คิดเอง กำกับเอง และตัดต่อเองด้วยซ้ำ ซึ่งเขาจะมีการจ้างโปรดักชั่นมาช่วยถ่ายทำ และจ้างนักแสดงคนอื่นมาช่วยแสดงในมิวสิควิดีโอ เรียกได้ว่าเป็นคนมีความสามารถรอบด้านมากๆ ทำให้ผลงานที่ออกมา ได้รับกระแสตอบรับที่ดีเป็นอย่างมาก และด้วยเหตุนี้ก็ทำให้เขายิ่งมีไฟ ต้องการทำตามความฝันอีกอย่าง คือ ‘ผู้กำกับภาพยนตร์’ ซึ่งตอนนี้ก็กำลังอยู่ในขั้นตอนวางแผนของคุณมารีโอ้อยู่เช่นกัน จะออกมาเป็นอย่างไรให้รอติดตามในอนาคต
“เราเป็นคนที่อยากลองอะไรใหม่ๆ อย่างได้ไปแสดงหนัง พอเห็นทีมงานเบื้องหลังกองถ่าย เห็นผู้กำกับเขาทำ เราจะชอบคิดว่า ถ้าเป็นเราทำ มันจะเป็นยังไง เป็นคนที่ชอบคิด ทำให้อยากลองทำดู”
ชีวิตที่เปลี่ยนไป
“ชีวิตเปลี่ยนไปมากครับ เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ทั้งตัวเราและครอบครัว เมื่อก่อนเราอยู่ในอพาร์ทเมนต์ รายเดือน แต่ทุกวันนี้เรามีคอนโดเป็นของตัวเอง เมื่อก่อนเราขับมอเตอร์ไซค์เดินทาง แต่ทุกวันนี้เรามีรถ BMW เป็นของตัวเอง พ่อแม่ก็สุขสบายขึ้น”
“เรายังคงเป็นตัวเรา และเราเป็นคนติดดินด้วยซ้ำ เวลาเจอแฟนคลับเราก็จะยังเป็นเหมือนเดิม ไม่ถือตัว”
ในช่วงแรกจะมีคอมเมนต์ว่าคุณโอ้ว่าไร้สาระ แต่ทุกวันนี้สิ่งที่เราได้เห็นเป็นเครื่องพิสูจน์ความสามารถของเขาแล้วว่าไม่ได้เป็นเรื่องไร้สาระอีกต่อไป “ทุกวันนี้เป็นสิ่งที่เราพิสูจน์ตัวเองได้ว่าเราไม่ได้ไร้สาระ มันสร้างความสุขให้กับคนดู มันสร้างงาน สร้างเงินให้เราด้วย”
เมื่อคิดงานไม่ออก…
“ถ้าวันนั้นเราเครียด คิดงานไม่ออก เราจะวางทุกสิ่ง คว้ากระเป๋า และขับรถไปเลย ไปเชียงใหม่บ้างไรงี้ เป็นคนชอบขับรถไปเรื่อยๆ มองดูระหว่างทาง ชอบอยู่กับธรรมชาติ เพราะระหว่างทางมันทำให้ผมคิดออกอะไร มันได้คิด ได้มองเห็นอะไรเยอะๆ บวกกับการเล่นโซเชียล เพราะเราต้องตามเหตุการณ์ปัจจุบันให้ทันโลกไปด้วย”
ในหลายครั้งที่คุณโอ้เครียดเพราะหมดมุข ไม่รู้จะเล่นมุขอะไรดี หลายคนอาจจะไม่รู้ แต่กว่าจะทำคอนเทนต์อะไรออกมาต้องใช้พลังค่อนข้างเยอะอยู่เหมือนกัน “หลายคนอาจจะมองว่าเราเป็นคนตลกเฮฮา แต่เอาจริงๆ มันไม่ง่ายเลย มันต้องวางแผน ต้องทำยังไงก็ได้ให้คนชอบ และคนตลก”
คนรอบข้างที่คอยซัพพอร์ต
“คนรอบข้างที่คอยซัพพอร์ต ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ครอบครัว และแฟนของเรา เขาให้กำลังใจตลอด บางครั้งที่ผมท้อ หมดไฟ ไม่อยากทำอะไรแล้ว เพราะว่ามันอาจจะถึงจุดอิ่มตัว แต่พอเราได้รับกำลังใจที่ดี ก็ทำให้เรามีกำลังฮึกเหิม และเราก็จะมองย้อนกลับไปว่ากว่าเราจะมาถึงจุดนี้ได้ มันไม่ง่ายเลย และโฟกัสคอมเมนต์บวกๆ จากเหล่าแฟนคลับทำให้เรามีพลัง”
ฝันใหญ่ ไปให้สุด
“เอาจริงๆ ความฝันของเรามันสุดที่เป้าหมายของเป้าหมายนั้น คือ คนเราไม่ต้องไปวางเป้าหมายให้มันเยอะ เราวางไว้ที่ละเป้าหมาย แต่ต้องเป็นเป้าหมายที่ใหญ่ อย่างที่ผมบอกว่า ฝันให้ใหญ่ ไปให้สุด พอเราทำเป้าหมายนั้นได้สุดแล้ว เราก็เปลี่ยนเป้าหมายใหม่”
“คนเราถ้าประสบความสำเร็จแล้ว มันจะไม่มีที่สิ้นสุด เรายังสามารถไปได้อีก”
ช่วงเวลาที่แฮปปี้ที่สุด ช่วงเวลาที่ตลกที่สุด และช่วงเวลาที่แย่ที่สุด
ช่วงเวลาที่แฮปปี้ที่สุด > “ช่วงเวลาที่เราได้เห็นคอมเมนต์จากแฟนคลับ ที่มาช่วยทำให้เราได้ผ่อนคลาย อย่างบางคนเป็นโรคซึมเศร้า คิดจะฆ่าตัวตาย แต่ได้มาดูคลิปของมารีโอ้ โจ๊ก มันทำให้เกิดรอยยิ้มขึ้น ทำให้เราคิดว่าสิ่งที่เราทำ มันทำอะไรให้กับคนดูได้ไม่มากก็น้อย เป็นสิ่งที่เราแฮปปี้มาก”
ช่วงเวลาที่ตลกที่สุด > “การได้อยู่กับคนรอบข้างของเรา คนรักของเรา เพราะว่า เรารู้สึกว่าเรามีอะไรที่คล้ายๆ กัน เวลาอยู่ด้วยกัน มันได้หยอกล้อกัน ทำให้เกิดเสียงหัวเราะ เป็นช่วงเวลาที่ตลก แต่ตลกอย่างมีความสุข”
ช่วงเวลาที่แย่ที่สุด > “เป็นช่วงเวลาที่เหนื่อยจากงาน แต่การมีงานเป็นสิ่งที่ดี แต่เวลาที่เรารับงานไม่ดูตัวเอง รับงานมากเกินไป วันหนึ่งที่เคยแย่ที่สุดคือ รับงานวันเดียว 4 งาน พอกลับถึงห้อง รู้สึกว่ามันไม่ได้แล้ว มันทำให้รู้สึกแย่ ไม่อยากทำงาน หมดไฟ เราเลยต้องรับงานตามกำลังที่เราไหว เพราะมันดีกับทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพใจ”
มุมที่หลายคนอาจจะไม่รู้
“เอาจริงแล้ว ลึกๆ ผมไม่ได้เป็นคนตลกขนาดนั้น เราก็เหมือนคนทั่วไป ถ้าเราอยู่กับตัวเองเราจะเป็นเงียบๆ นิ่งๆ ขรึมด้วยซ้ำ อาจจะเป็นคนคิดมากด้วยซ้ำ แต่ในมุมของการทำคอนเทนต์เราจะมีนำเสนอมุมที่เป็นดราม่าในชีวิตไม่ได้ เราต้องเสนออะไรก็ได้ที่เป็นความสุขให้คนดูได้เสพ ดังนั้น เวลาที่คนเห็นแล้วบอกว่า ทำไมไม่เห็นตลกเหมือนในคลิปเลย ผมอยากบอกว่า ชีวิตคนเรามันมีหลายมุม มุมหนึ่งคือชีวิต ไม่ได้ทำคลิป แต่อีกมุมหนึ่งในคอนเทนต์ มันคือบทบาท ที่เราต้องเต็มที่ ทำให้คนมีความสุข”
โมเมนต์ที่ได้รับรางวัล Thailand Influencer Awards 2020 ‘Best Rising Star on YouTube’
“รู้สึกว่าจะเป็นรางวัลแรกของผมในการทำคอนเทนต์ รู้สึกภูมิใจมากๆ รีบถ่ายลงโซเชียล อวดทุกคนว่านี่คือสิ่งที่เราทำแล้วประสบความสำเร็จ และมีองค์กรที่มองเห็นว่าสิ่งที่เราทำมันไม่ใช่เล่นๆ มีคุณค่าทางใจ และมีความสุขมากๆ ครับ”
อยากบอกอะไรกับตัวเองในอดีต
“มึงเก่งมากโอ้” ประโยคสั้นๆ ที่คุณโอ้อยากบอกกับตัวเองในอดีต เพราะเขาได้ผ่านพ้นอะไรในชีวิตมาเยอะมาก ความลำบากที่เขาอดทนผ่านมาได้ จากเคยเหลือเงินร้อยเดียวที่ต้องใช้ทั้งเดือน ผ่านคำดูถูกมามาก กว่าจะมีวันนี้ได้ มันไม่ง่ายจริงๆ ทำให้เขาอยากมอบคำชมให้กับตัวเอง
สำหรับใครที่มีความฝันมีเป้าหมายอยากบอกว่า ให้คุณลองทำ ลงมือทำเลยตั้งแต่วันนี้ ไม่ต้องคิดเยอะ หรือมีข้ออ้างให้ตัวเอง ให้มีความเชื่อมั่นในตัวเองว่าเราจะสามารถทำได้ แล้ววันหนึ่งเราจะพร้อมมากขึ้นจากประสบการณ์ที่เราได้ลองผิดลองถูก และจะประสบความสำเร็จในวันข้างหน้าแน่นอน
“หวังว่าบทความนี้ จะเป็นแรงบันดาลใจให้สู้ต่อ ใครที่กำลังลังเลว่าจะทำดีหรือไม่ทำดี ขอให้ทำเถอะ และจะประสบความสำเร็จ อย่างคติที่ผมบอกว่า ‘ฝันให้ใหญ่ ไปให้สุด’ ขอให้บทความนี้จงเกิดความสำเร็จแก่ทุกคนครับ” ทิ้งท้ายกับความอวยพร พร้อมคติของ ‘คุณมารีโอ้ โจ๊ก’ ที่ต้องชื่นชมในความขยัน และความเก่งของเขาคนนี้มากๆ และหวังว่าจะทำให้ใครหลายคนได้ข้อคิดกลับไปไม่มากก็น้อย