เบื้องหลังเมนูอาหารสุดจัดจ้านของร้านดัง
คุณเบิ้ล ฉัตรชัย เบื้องหลังเมนูอาหารสุดจัดจ้านของร้านดัง
Introduction
- จุดเริ่มต้นของช่างภาพอาหารมืออาชีพ เริ่มจากการอยากขอลองเล่นกล้องจากคนอื่น
- อีกหนึ่งบทบาทกับการเปิดร้าน “ขวัญชัยค้าเหล็กแปรรูป” สร้างความแตกต่างให้กิจการครอบครัว
- การเดินทางออกจาก Comfort Zone ทำให้ชีวิตได้พบเจอเรื่องราวมากมาย
ช่างภาพอาหาร หนึ่งในเบื้องหลังสำคัญของร้านอาหารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารหรูระดับมิชลินสตาร์ หรือจะเป็นร้านอาหารแบรนด์ดังในห้างสรรพสินค้าที่มีสาขาจำนวนมาก ต่างจำเป็นต้องใช้บริการจากช่างภาพอาหารมืออาชีพกันทั้งสิ้น เพราะปฎิเสธไม่ได้เลยว่าแค่รสชาติอร่อยอย่างเดียวคงไม่พอ แต่ภาพของอาหารก็ต้องมีความดึงดูดมากพอให้ลูกค้ารู้สึกอยากเข้าร้านด้วยเช่นกัน
ในบทความนี้ 9 Conversations จะขอพาไปคุยกับ คุณเบิ้ล ฉัตรชัย วงศ์ใจเกตุ ช่างภาพอาหารฝีมือดี ผู้อยู่เบื้องหลังภาพอาหารของแบรนด์ดังมานับไม่ถ้วน ตั้งแต่ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด ไปจนถึงร้านอาหารของเชฟดังระดับประเทศ
ก่อนเป็นช่างภาพอาหาร เคยเป็นพนักงานบริษัท
คุณเบิ้ล เริ่มต้นการพูดคุยในวันนี้ด้วยการอธิบายความสำคัญของ Production ในการถ่ายภาพอาหาร ว่าเป็นเรื่องของแสงเป็นหลัก “Production คือการทดแทนแสงธรรมชาติ แสงธรรมชาติจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ในช่วงวัน เวลาถ่ายถ้าต้องการแสงตอนเช้า ก็ต้องเซ็ตให้เป็นแสงตอนเช้าอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ได้แสงตามโจทย์ที่ลูกค้าต้องการ”
ในวันนี้ ฝีมือการถ่ายภาพอาหารของคุณเบิ้ลได้รับการยอมรับในวงการ จนได้ถ่ายภาพอาหารให้กับแบรนด์ดังมาแล้วมากมาย ทั้ง Burger King, McDonalds และ Bar B Q Plaza เป็นต้น แต่กว่าจะมีวันนี้ คุณเบิ้ลเล่าว่า เส้นทางการเป็นช่างภาพอาหารของตัวเองไม่ง่าย แต่เกิดจากการเก็บเกี่ยวประสบการณ์มานานหลายปี
“ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เคยเป็นพนักงานบริษัทธรรมดา ทำงานที่ 95.5 Virgin Hitz เป็นคนดูแลเทคนิค เวลามีปัญหาขณะออกอากาศ ดีเจก็จะเรียกผมเข้าไปซ่อม”
“ในบริษัทมีแผนกทำคอนเทนต์ขึ้นเว็บไซต์ แล้วเขามีกล้อง ผมก็เลยไปขอลองเล่น ด้วยเงินที่ไม่พอที่จะซื้อเพราะราคาของกล้องค่อนข้างสูง ก็เลยได้มีโอกาสไปคลุกคลีกับพี่คนนึงที่ทำให้ผมได้เริ่มถ่ายรูป จนกระทั่งผู้ใหญ่เริ่มเห็น ผลงานเริ่มเข้าตา PR เลยได้งานถ่ายภาพใน Miss Thailand World”
หลังจากจับกล้องจนชินมือ และผ่านประสบการณ์การถ่ายภาพที่หลากหลาย ตั้งแต่งานรับปริญญา ไปจนถึง Miss Thailand World คุณเบิ้ลก็ได้พบกับเส้นทางใหม่ นั่นคือการถ่ายภาพอาหาร
“งานถ่ายภาพ เป็นงานที่มีหลายแขนงมากๆ มันไปได้กว้างกว่าที่ผมรู้มากๆ แต่ตอนนั้นผมไม่รู้อะไรเลยนอกจากการถ่ายงานอีเวนท์ รุ่นน้องคนนึงชวนผมไปเป็นผู้ช่วยถ่ายภาพอาหาร ก็เลยรู้เทคนิควิธีการจัดแสงมากขึ้น จนทำมาได้ 3 ปี ก็มีคนชวนให้ลองถ่ายภาพอาหารด้วยตัวเองเป็นครั้งแรก”
“ครั้งแรกที่ได้งานถ่ายภาพอาหารตื่นเต้นมาก พยายามหาตัวอย่าง หา Reference แม้จะได้เงินแค่ไม่กี่พันบาท แต่ก็ก้มหน้าก้มตาทำ เพราะมันเป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ผมต้องกลับไปทำการบ้าน เตรียมข้อมูลเพื่อให้ลูกค้าได้ภาพในแบบที่ต้องการ และผมตั้งเป้าไว้เลยว่าสินค้าของเขาต้องขายได้”
ความประทับใจที่ทำให้รู้ว่าอาหาร คือ ความสุข
เมื่อถามคุณเบิ้ลว่า หลังจากผ่านช่วงเวลาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คุณเบิ้ลประทับใจอะไรมากที่สุดในการรับบทบาทเป็นช่างภาพภ่ายภาพอาหาร คุณเบิ้ลตอบคำถามนี้ด้วยการนึกย้อนกลับไปถึงอาหารไทยที่เคยถ่าย
“ผมเคยได้ถ่ายภาพอาหารจาก 50 ร้านทั่วประเทศ ตอนนั้นผมเพิ่งเข้ามาในวงการยังไม่ได้อินไปกับมัน รู้แค่ว่าได้เงินมากกว่าการถ่ายภาพตามงานอีเว้นท์ ผมก็ได้เดินทางไปถ่ายภาพอาหารที่เชียงใหม่ จนย้อนกลับมาที่กรุงเทพฯ ได้เจอเชฟฝรั่งที่มีตำราอาหารไทยโบราณ เก่ามากๆ แทบจะต้องใช้ที่คีบเพื่อเปิดอ่าน”
“หลังจากถ่ายไปได้ 5 เมนู ได้ลองชิมถึงรู้ว่าอาหารไทยมันอร่อยขนาดนี้เลยหรอ ก็เลยรู้เลยว่าผมต้องมาทางถ่ายภาพอาหารเนี่ยแหละ เพราะได้เจอเชฟที่มีฝีมือ ได้ลิ้มรสอาหาร เพราะอาหารคือความสุข”
นอกจากบทบาทการเป็นช่างภาพอาหารมือทองที่อยู่เบื้องหลังความอร่อยของร้านอาหารชื่อดังทั่วไทยแล้ว คุณเบิ้ลยังมีอีกบทบาทหนึ่ง คือการเป็นผู้ประกอบการเปิดร้าน “ขวัญชัยค้าเหล็กแปรรูป” ซึ่งในบทบาทนี้คุณเบิ้ลก็ได้ใช้ฝีมือ และความถนัดในการถ่ายภาพของตัวเอง มาสร้างความต่างให้กับกิจการครอบครัว
ความจริงแล้วกิจการขวัญชัยค้าเหล็กแปรรูป เป็นธุรกิจครอบครัวของภรรยาของคุณเบิ้ลที่ทำมาก่อนแล้ว แต่ในยุคที่ใครๆ ก็เข้าสู่ช่องทางออนไลน์ คุณเบิ้ล และภรรยาจึงต้องหาวิธีการปรับตัวเช่นกัน
“ผมคุยกับภรรยาว่า ผมมีความรู้เรื่องการถ่ายภาพ มีความรู้เรื่องการตลาดออนไลน์ติดตัวมานิดๆ หน่อยๆ เลยคุยกันว่าต้องขายของออนไลน์”
“ตอนแรกสินค้าก็อยู่ในโกดัง ผมก็เอาออกมาจัดแสง แล้วถ่ายเพื่อทำแคตตาล็อค มันเลยออกมาดูดี จากที่ตอนแรกวันนึงขายไม่ได้เลย กลายเป็นขายได้ 2-3 ชิ้น จนกระทั่งตอนนี้เติบโตเป็นการขายส่งได้”
“ผมสามารถทำการตลาดออนไลน์ได้ ยิงโฆษณาโปรโมทคลิปวิดีโอสินค้า ลงโซเชียลได้ กลายเป็นว่าได้ผลดีมากจากการทำคลิปสาธิตวิธีใช้เครื่องมือการเกษตร จะได้รู้ว่าพวกมีด คราด หรือเคียวใช้งานยังไง แค่ภาพสวยอย่างเดียวมันไม่จบ คนซื้อจะมีคำถามมาเรื่อยๆ แต่พอมีคลิปวิดีโออธิบาย คนก็จะตัดสินใจซื้อเลยทันที”
นอกจากการเป็นช่างภาพอาหารฝีมือดี หาตัวจับยากคนหนึ่ง และการเป็นพ่อค้าขายอุปกรณ์การเกษตรจากเหล็กแปรรูปแล้ว คุณเบิ้ลยังมี Passion ในด้านกีฬาด้วยเช่นกัน
คุณเบิ้ลเล่าให้ฟังถึง Passion นี้ว่าเริ่มตั้งแต่ตอนยังไม่มีครอบครัว “ตอนนั้นผมเป็นคนที่วิ่งอยู่แล้ว สวนลุมฯ ผมไปเหมือนบ้าน ไม่ว่าจะฝนตก หรือแดดออก ก็ไปตั้งแต่ตี 5 ไม่ว่าจะวิ่งกี่กิโลก็จะกลับมาจบที่สวนลุมฯ ตลอด”
เมื่อถามว่าอะไรที่ทำให้คุณเบิ้ลมี Passion ในด้านการเล่นกีฬา คุณเบิ้ลยกเครดิตในเรื่องนี้ให้กับลูกโดยเฉพาะ
“พอมีลูกก็ตั้งเป้าไว้เลยว่า อยากทำให้ลูกซึมซับแบบอย่างที่ควรจะเป็น ด้วยการทำให้เห็น ผมอยากเป็นพ่อที่แข็งแรง อยู่กับเขาได้นานขึ้น ถ้าไปนั่งดื่มเหล้า ชีวิตก็จะสั้นลง แต่ถ้าออกกำลังกาย ก็จะมีชีวิตอยู่ได้เรื่อยๆ โดยไม่มีอะไรมาผ่อนส่งชีวิต”
เมื่อต้องออกจาก Comfort Zone
เมื่อคุยกันมาถึงจุดนี้ ทำให้เรามองภาพชีวิตของคุณเบิ้ล ตั้งแต่การเป็นพนักงานประจำ เริ่มจับกล้องเป็นครั้งแรก จนได้ถ่ายภาพอาหาร สานต่อธุรกิจครอบครัวโดยเอาความรู้เรื่องการถ่ายภาพมาใช้ ไปจนถึงเล่นกีฬาแบบจริงจัง จนถึงขั้นลงแข่งไตรกีฬา ซึ่งนิยามสั้นๆ แต่อธิบายชีวิตของคุณเบิ้ลได้ตรงจุดที่สุดคือ ในหลายๆ ช่วงเวลาของชีวิต คุณเบิ้ลออกจาก Comfort Zone ของตัวเองอยู่เสมอ
ก่อนจะมาถึงจุดนี้ที่คุณเบิ้ลกล้าที่จะออกจาก Comfort Zone ของตัวเอง คุณเบิ้ลยอมรับว่าเคยใช้ชีวิตแบบ “ไม่จริงจังกับอะไรเลย” จนกระทั่งวันหนึ่ง การถ่ายรูปทำให้คุณเบิ้ลเริ่มหันมากลับมามองตัวเองว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องลงมือทำอะไรอย่างจริงจังกับชีวิตของตัวเองบ้าง
“ถ้าอยากได้เงินจากลูกค้าก็ต้องทำการบ้านให้เต็มที่ ฝึกฝีมือให้ดี ถ้าอยากเป็นนักกีฬาที่ดี ก็ต้องซ้อมให้ดี ผักผ่อนให้ดี ถ้าอยากขายของให้ดี ก็ต้องทำแผนการตลาดให้ดี มองเทรนด์ที่จะช่วยให้ขายได้”
“ถ้าอดีตเคยไม่ดีแล้ว ก็ต้องเก็บไว้เป็นบทเรียน ถ้ายังมีลมหายใจอยู่ ก็ให้เริ่มต้นใหม่ ลงมือทำให้เต็มที่ จะทำอะไรต้องตั้งใจ ถ้าทำเต็มที่แล้วจะได้ไม่เสียใจที่หลัง”
“การออกจาก Comfort Zone ที่ทำงานบริษัทเดิมมา 9 ปี มันเป็นเวลาที่ค่อนข้างนาน เงินเดือนก็แน่นอน งานถ่ายภาพก็มี แต่ผมรู้สึกว่า ไหนๆ อายุขนาดนี้แล้ว ต้องลองออกไปใช้ชีวิตดูบ้างว่าเป็นยังไง ลองปล่อยให้ลมพัดไปบ้าง ให้ชีวิตเดินทางไปกับจังหวะของมันบ้าง”
“การออกจาก Comfort Zone ก็ทำให้ผมได้เดินทางมาจังหวัดลำปาง ได้เจอภรรยา จนคิดว่าเป็นคู่ชีวิต จนได้กลับมาอยู่ที่จังหวัดลำปาง ทุกอย่างเป็นจุดเปลี่ยนที่ดีที่สุด”
“ผมคิดว่าชีวิตของผมครบวงจรความเป็นมนุษย์แล้ว เกิด โต และมีลูก แล้วค่อยหายจากไป”
เมื่อคุยกันมาจนถึงจุดนี้ เราเริ่มถามคุณเบิ้ลว่า ถ้าคุณเบิ้ลใช้ชีวิตได้ครบวงจรตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ได้ออกจาก Comfort Zone ของตัวเองจนเรียกได้ว่าชีวิตของคุณเจนประสบความสำเร็จเรียบร้อยแล้ว ใครคือบุคคลผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของคุณเบิ้ลบ้าง
คุณเบิ้ลไม่ได้ให้เครดิตกับใครคนใดคนหนึ่ง
“ทุกคนที่อยู่ข้างๆ หรือในวงโคจรชีวิต คือคนที่ชี้นำ และพาผมไปอยู่ในจุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคนที่ยังอยู่ หรือหายไปแล้ว”
“พี่ๆ บางคนเล่นฟุตบอลเก่ง ผมก็เห็นเขาเป็นไอดอล พอมาถ่ายรูปก็ได้เห็นช่างภาพเก่งๆ หลายคน ผมก็อยากเป็นแบบเขา พอมาขายของก็เห็นพ่อค้าแม่ค้าหลายคนเป็นตัวอย่าง แม่ค้าข้างบ้านไลฟ์ขายของจนสามารถไปซื้อบ้านได้ มันก็เป็นจุดเริ่มต้นให้ผมอยากลองทำคลิปวิดีโอขายเครื่องมือการเกษตรให้ได้แบบเขา ทุกคนล้วนอยู่ในวงโคจรของชีวิตทั้งนั้น”
“ทุกคนทำให้ผมเป็นผมในทุกวันนี้”