คุณตู่ Soundtiss บตบก ที่เปลี่ยนลุคไม่ซ้ำ จำไม่ได้

บตบก ที่เปลี่ยนลุคไม่ซ้ำ จำไม่ได้

Introduction

  • บตบก. (บิวตี้ บล็อกเกอร์) ใครๆ ก็เป็นกันได้ง่าย แต่จะเป็นให้ดีต่างหากที่จะต้องทำอย่างไร
  • ใช้ชีวิตเต็มที่ เหมือนวันนี้เป็นวันสุดท้าย
  • การคอมเมนต์ด้วยถ้อยคำที่น่ารัก มันจะทำให้โลกน่าอยู่ขึ้น

จริงๆ แล้วคำว่า ‘บิวตี้บล็อกเกอร์’ มันมีความหมายว่าอะไรกันนะ

 วันนี้เราอยากชวนทุกคนมารู้จักกับคำๆ นี้มากขึ้นกับบุคคลที่มีชื่อเสียงด้านการแต่งหน้า Makeover เปลี่ยนลุคไม่ซ้ำ จำไม่ได้เพราะแต่งออกมาแล้วกลายเป็นคนละคน ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นหนึ่งในบิวตี้บล็อกเกอร์เช่นกัน อย่าง ‘คุณตู่ Soundtiss‘ มาเข้าใจคำนี้ผ่านมุมมองของเธอไปพร้อมกันกับ 9 คำถามที่ 9Conversations

รู้สึกอย่างไรที่คนเรียกเราว่า บกบต. (บิวตี้บล็อกเกอร์)?

“จริงๆ แล้วแต่คนจะนิยามตัวเราว่าอะไร ซึ่งคนส่วนใหญ่เรียกเราว่า ‘บิวตี้บล็อกเกอร์’ แต่เราคิดว่าน่าจะเพราะ ทุกคนชิน เพราะว่าบิวตี้บล็อกเกอร์มันมาจากที่คนเขียนบล็อกเป็นกระทู้รีวิว ซึ่งในยุคนั้นสำหรับใครที่ทำก็จะถูกเรียกว่าบิวตี้บล็อกเกอร์ แต่ในปัจจุบันมันไม่ใช่เชิงบล็อกแล้ว จะเป็นยูทูป วิดีโอ แต่คนยังติดคำว่าบิวตี้บล็อกเกอร์อยู่ แต่สมัยนี้หลายคนก็เริ่มเรียกตัวเองว่า ‘บิวตี้อินฟลูเอนเซอร์’ ซึ่งคำว่า ‘บิวตี้’ นั้น ไม่ได้แปลว่า คุณต้องสวยนะ ขอแค่มีความรู้เรื่องบิวตี้ อย่างในเรื่องผลิตภัณฑ์บำรุง การแต่งหน้าต่างๆ”

“และไม่ได้จำเป็นจะต้องเป็นผู้หญิงด้วย เพราะปัจจุบันก็มีผู้ชาย ที่สอนผู้ชายด้วยกันเองแต่งหน้า หรือแม้กระทั่งของ LGBTQ+ เองก็ดี คำว่า ‘บิวตี้บล็อกเกอร์’ มันสามารถใส่ความหลากหลายได้มากกว่าที่เคยมีในยุคก่อน”

ความแตกต่างของบตบก. สมัยก่อน VS ปัจจุบัน?

“ตลาดบตบก. สมัยก่อนมันมีคนทำน้อย ดังนั้น เวลารีวิวอะไรไปมักจะมีคนดูอยู่แล้ว แต่กลับกันในปัจจุบันมีบตบก. เยอะมาก คนดูมีสิทธิ์เลือกดูมากกว่า และบวกกับการทำคอนเทนต์มันง่ายขึ้น อุปกรณ์หรือแอปต่างๆ มันเอื้อต่อการทำคอนเทนต์มากขึ้น แต่ก็ทำให้เป็นที่รู้จักได้ยากกว่า แต่อินฟลูฯ หน้าใหม่สมัยนี้ค่อนข้างเก่งมาก ถ้าเราเดบิวต์ในยุคนี้ก็อาจจะเก้วไปเลยก็ได้”

 *เก้ว แปลว่า ผิดหวัง, ไม่สมหวัง, ไม่เป็นไปตามคาด*

กว่าจะออกมาเป็นหนึ่งลุค?

เธอบอกกับเราว่าระยะเวลาในการแต่งแต่ละลุค บางครั้งจะขึ้นอยู่กับสิ่งที่ลูกค้ากำหนดมาให้ ซึ่งในทุกครั้งที่แต่งเป็นใครหรือตัวละครใด จะใช้เวลาในการดูซ้ำๆ ซึมซับคาแรกเตอร์ การเล่นหู เล่นตาของคนนั้นๆ เพื่อให้คอนเทนต์ออกมาดีที่สุด ซึ่งในขณะที่สัมภาษณ์อยู่นั้น คุณตู่พึ่งแต่งลุคอีซาร่า ตัวละครจากซีรีส์เรื่อง The Glory เสร็จ ก่อนจะแต่งลุคนี้ก็ใช้เวลาศึกษาตัวละคร ดูซ้ำๆ ท่องบทต่างๆ เพื่อจะทำให้ลุคออกมาสมบูรณ์

แต่ถ้าถามถึงลุคที่ยากที่สุด

“เอาจริงๆ เลือกยากมาก เพราะ คิดว่ายากทุกลุค แต่ถ้าให้ที่สุดจริงๆ คงจะเป็นอวตาร ด้วยรูปจมูก มันไม่ค่อยเหมือนมนุษย์เท่าไหร่ อย่างตัวละครอื่นๆ จะยังมีความเป็นมนุษย์ แค่เปลี่ยนสีบ้าง อะไรบ้าง แต่อวตารต้องมีทั้งจมูก หู และเพ้นท์สีทั้งตัว การเป็นลุคที่กระแสตอบรับดีมากๆ อีกลุค ตอนล้างออกไม่ค่อยนานมาก แต่ตอนเพ้นท์ใช้เวลานานมาก กว่าจะทำให้มันเนียนทั้งตัว”

ความรู้สึกหลังจากมีชื่อเสียง?

ณ ตอนนี้ความรู้สึกที่แตกต่างไปของคุณตู่จากตอนแรกที่เริ่มทำ จนตอนนี้ที่มีชื่อเสียง แน่นอนว่าตัวเธอเองนั้นมีสกิลการแต่งหน้าเก่งขึ้น ได้รับโอกาสมากมาย อย่างล่าสุดมีโอกาสได้ไปปารีสร่วมกับแบรนด์เครื่องสำอางค์ เป็นความรู้สึกที่เกินฝันสำหรับเธอ แล้วความฝันที่แท้จริงของคุณตู่คืออะไร

“แค่มีเงิน พอเลี้ยงชีพ เวลาพ่อแม่ป่วยมีเงินรักษาได้”

“ขอบคุณตัวเอง และขอบคุณทีมงานที่เต็มที่จนพาให้เราไปถึงจุดที่เกินฝันมาก”

 แต่ถ้าย้อนกลับไปในตอนแรกที่เพิ่งเริ่มมีคนรู้จัก เธอบอกว่า

“เดินไปไหนเริ่มมีคนขอถ่ายรูป ไม่รู้ต้องทำตัวอย่างไร หรือบางคนก็จะบอกว่าเราหยิ่งมาก ไม่ยิ้มเลย ทำตัวลำบาก ด้วยความที่ยุคนั้น (ช่วงแรกที่ทำรีวิว) มันยังใหม่มากๆ ในโลกโซเชียล ยุคนั้นยังไม่ได้มีการรณรงค์เกี่ยวกับโซเชียลบลูลี่เหมือนสมัยนี้”

“วิธีการรับมือของเราก็พยายามปรับตัวเรื่อยๆ จากที่มีคนบอกว่าเราไม่ค่อยยิ้ม เราก็ยิ้มเรื่อยๆ จนทุกวันนี้ถ้าเจอใครจะยิ้มให้ทันที ไม่รู้ว่าเขาจะมองเราเป็นคนบ้าหรือเปล่า (หัวเราะ)”

ซึ่งปกติในช่องคุณตู่เอง ส่วนใหญ่แฟนคลับจะเป็นเพื่อนหญิงพลังหญิง คอยคอมเมนต์ให้กำลังใจกัน แต่ถ้าคอนเทนต์นั้นๆ กระแสดีมาก จนกระทั่งมีกลุ่มคนดูอื่นๆ ได้เห็นคอนเทนต์ของเธอ ก็จะเริ่มมีคอมเมนต์แปลกๆ โผล่มา ซึ่งน่าแปลกใจตรงที่คอมเมนต์แปลกๆ นั้นมักจะมาจากเด็กเยาวชน

“จริงๆ มันขึ้นอยู่กับตัวผู้ปกครองเลย เพราะเรารู้สึกว่าเด็กบางคน เด็กเกินไปที่จะเล่นโซเชียล เพราะว่าในโซเชียลมีเดียมันมีอะไรเยอะมาก ที่บางทีเราปล่อยให้เด็กเขาเล่นเอง ซึ่งจริงๆ แล้วเด็กสามารถเล่นโซเชียลมีเดียได้ แต่ควรอยู่ในสายตาผู้ปกครอง เพราะบางทีเราไม่รู้เลยว่าคอนเทนต์อะไรที่โผล่ขึ้นมาให้เด็กดู และจดจำคอนเทนต์นั้นๆ โดยที่เด็กไม่รู้ว่าสิ่งนั้นมันถูกหรือผิด เพราะสุดท้ายเด็กเขาเป็นผ้าขาว ที่คุณจะใส่ข้อมูลอะไรก็ได้ แต่การที่คุณไม่ควบคุมน้องในการเล่นโซเชียล มันจะทำให้น้องได้รับข้อมูลผิดๆ รู้ตัวอีกทีน้องเขาก็จำสิ่งเหล่านั้นไปแล้ว ผู้ปกครองจริงควรควบคุมพฤติกรรมเด็กให้ดี”

“เมื่อเราเจอคอมเมนต์ไม่ดีก็จะปล่อยไป เพราะเป็นสิ่งที่เขาคิด มันไม่ได้เป็นการติเพื่อก่ออะไร หรือบางครั้งถ้าคอมเมนต์นั้นมันเกี่ยวกับเราจริง เราก็จะพิจารณาว่าเราต้องปรับยังไง เราก็แค่ทำผลงานของเราให้มันดีที่สุด ตั้งใจทำให้มันดีขึ้นเรื่อยๆ“

คิดอย่างไรประโยคที่คนบอกว่า บตบก. เป็นกันง่าย?

“ก็ง่ายจริงค่ะ ใครๆ ก็สามารถทำคอนเทนต์ได้  แต่ว่าเมื่อเป็นแล้ว จะเป็นให้ดี จะต้องทำยังไง เป็นให้ได้ตลอดจะเป็นอย่างไร”

ในปัจจุบันเองมีอินฟลูเอนเซอร์ หรือบล็อกเกอร์ที่หลากหลายมาก การที่เราจะรักษาตำแหน่งและยึดอาชีพนี้ให้มั่นคง เราอาจจะต้องปรับตัวให้ตามทันกระแสโลก ไม่งั้นคุณอาจจะถูกลืมได้ เหมือนยุคก่อนที่บตบก. ต้องเขียนบล็อก แต่ยุคนี้โซเชียลมีเดียมันจำเป็นมาก อย่าง TikTok ที่กำลังมา ใครๆ ก็มีต้องมีคอนเทนต์ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละคนด้วย 

แอบเห็นว่าคุณตู่เองอยากทำเพลง ?

“จริงๆ แล้วตู่ชอบร้องเพลงมาก คุณแม่ส่งตู่เรียนร้องเพลงตั้งแต่ป.3 เลยไม่อยากทิ้งการร้องเพลง เพราะเรายังชอบมันอยู่ อาจจะเพราะเราไม่ได้ทำมันเป็นอาชีพด้วยแหละ เราเลยอยากมีเพลงดีๆ สักหนึ่งเพลง เราไม่จำเป็นต้องดูยอดวิวก็ได้ แค่อยากทำเพลงที่ตัวเองชอบ โดยที่เราชอบมันจริงๆ ซึ่งอาจจะเป็นแนว Groove หรือ R&B เบาๆ” (ตอนแรกนึกว่าจะอยากทำเพลงแนวเต้นกระจาย) 

ใช้ชีวิตเต็มที่ เหมือนวันนี้เป็นวันสุดท้าย ?

“เป็นแนวคิดที่ติดตัวเรามาตลอด เพราะตั้งแต่เด็กเราอยู่กับคนรอบข้างที่อายุเยอะ คนรอบตัวก็เสียไปเรื่อยๆ เราเลยค่อนข้างปลง จึงใช้ชีวิตเต็มที่ เหมือนวันนี้เป็นวันสุดท้าย เวลาอยู่กับคนที่รัก เราก็จะคอยบอกรักอยู่ตลอด พอเมื่อวันใดที่เขาจากไป เราจะได้ไม่เสียใจ”

“อย่างตอนพ่อแม่ป่วยเราก็ดูแลพ่อแม่อย่างเต็มที่ เวลาอยู่กับแฟน เราก็เต็มที่ บางทีเรารู้สึกเหมือนเป็นคนแก่แล้วตอนนี้(หัวเราะ) แฮปปี้ดีที่ได้ทำทุกอย่างที่ตัวเองต้องการ”

“ไม่มีเรื่องไหนที่เราเสียดายเลยวันนี้ นอกจาก BigBang ไม่ทำคอนเสิร์ตแล้ว(หัวเราะ)” 

และอีกมุมมองหนึ่งจากคุณตู่ เธอเชื่อในการให้โอกาสคน หากใครที่ทำผิดแล้วเขายอมรับผิด ขอโทษ และพร้อมปรับปรุงก็พร้อมจะให้โอกาส เพราะสุดท้ายชีวิตคนเราก็ต้องเดินต่อ จะจมปลักกับอดีตไม่ได้ (หรือเพราะจริงๆ คุณตู่เองเป็นคนที่โกรธยาก แต่หายง่ายกันแน่นะ)

มีน้องฝึกงานแล้วด้วย ?

“ตอนคัดเลือกน้องฝึกงาน ส่วนใหญ่ดูพอร์ตผลงานว่าเข้ากับเราหรือเปล่า เราไม่ได้เลือกน้องที่เก่งมาเลย เพราะว่าเด็กฝึกงานส่วนใหญ่ก็จะไม่ได้มาเต็มร้อยอยู่แล้ว แต่เราดูแล้วคนนี้ดูมีของ ดูปั้นได้ ดูมีเทส เพราะเทสมันสอนกันไม่ได้ ใครที่เทสตรงกับเราก็ดึงมาปั้นเลย”

“กำลังคิดอยู่ว่าน้องฝึกงานได้อะไรจากเราบ้าง นอกจากกินกับเต้น(หัวเราะ) แต่ส่วนใหญ่เราก็จะสอนเกี่ยวกับการทำงานสายบิวตี้ต้องทำอย่างไร การจัดไฟ วิธีการทำคอนเทนต์ต่างๆ น้องๆ จะได้เข้ามาช่วยในทุกขั้นตอน ตอนนี้มีทีมทั้งหมด 3 คน มีตัดต่อ สไตลิสต์ คอนเทนต์ครีเอเตอร์ ตอนนี้น้องตัดต่อ ตอนแรกมาก็ใช้โปรแกรมไรไม่เป็นเลย แต่ตอนนี้ก็ตัดคลิปให้ตู่เยอะมากๆ คิดว่าถ้าจบจากฝึกงานไป คงจ้างต่ออยู่ดี”

“พอเห็นน้องฝึกงาน คิดถึงตัวเองเป็นเด็กฝึกงานเลย ไฟแรง พร้อมเรียนรู้ทุกอย่าง” (ขอแอบบอกว่าคุณตู่ใจดี ไม่ดุน้องฝึกงานเลย)

สุดท้ายอยากฝากอะไรถึงอินฟลูฯ หรือบิวตี้บล็อกเกอร์หน้าใหม่ ?

“ถ้ามีคอนเมนต์อะไรที่ติเพื่อก่อให้เรารับฟัง แต่ว่าไม่จำเป็นต้องเอาตัวไปแขวนไว้กับคอมเมนต์พวกนั้น บางทีเราเจอคอมเมนต์ แล้วเราจะมีทบทวนกับตัวเองว่าเราเป็นแบบนั้นจริงๆ หรือเปล่า เราไม่จำเป็นต้องเก็บมาใส่ใจเลย ซึ่งจริงๆ มันก็ยาก เพราะถ้าเราอ่านมันต้องเฟลอยู่แล้ว แต่สุดท้ายเราทำของเราออกมาให้ดีที่สุด ถ้าบางคอมเมนต์ที่มันแย่มากๆ เราก็กดลบไปเลย”

“ฝากถึงคนที่คอมเมนต์แบบนั้นด้วยนะคะ ถ้าไม่มีอะไรจะพิมพ์ ก็ไม่ต้องพิมพ์ เก็บไว้ในใจ การคอมเมนต์ด้วยถ้อยคำที่น่ารัก มันจะทำให้โลกน่าอยู่ขึ้น”

ทั้งหมดนี้คือมุมมองความคิดของบิวตี้บล็อกเกอร์ที่หลายคนรู้จักกันดี ขอบคุณคุณตู่ Soundtiss ที่มอบเสียงหัวเราะ มอบความจึ้ง และคำแนะนำดีๆ ให้เราตลอดการสัมภาษณ์ สำหรับใครที่อยากติดตามเธอได้ตอนนี้นอกจากช่อง Soundtiss ที่คอนเทนต์แต่งหน้าเป็นหลักแล้ว ยังมีช่องไลฟ์สไตล์ที่เธอทำร่วมกับเพื่อน รับชมความโปกฮา และความเรียลขั้นสุดได้ที่ช่อง Friendship Hi! ด้วยนะทุกคน