การเดินทางของครอบครัวที่ให้มากกว่าเสียงหัวเราะ
TAM Story การเดินทางของครอบครัวที่ให้มากกว่าเสียงหัวเราะ
Introduction
- ครั้งหนึ่งเมื่อ “เฌอแตม” อายุ 2 ขวบ
- วิธีการเลี้ยงลูกในแบบฉบับ “ครอบครัว Tam Story”
- วีธีรับมือกับคอมเมนต์เชิงลบ
คอนเทนต์ครีเอเตอร์สายครอบครัว เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะสามารถช่วยให้ครอบครัวของคุณสนิทกันได้มากขึ้นผ่านการทำคอนเทนต์อย่างวันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับครอบครัว ‘TAM Story’ ทั้งคุณพ่อโย คุณแม่ปูเป้ และน้องเฌอแตม ซึ่งตอนนี้น้องเฌอแตมอายุ 10 ขวบแล้ว เราได้เห็นการเติบโตของน้องผ่านคอนเทนต์มานาน วันนี้ทั้งคู่จะมาเล่าถึงเบื้องหลังการทำคอนเทนต์ที่สนุกและอบอุ่นของครอบครัวเขาให้รู้ไปพร้อมกันที่ 9Conversations
เมื่อครั้งน้องเฌอเตมอายุ 2 ขวบ
จากตอนแรกที่คุณพ่อถ่ายคลิปวิดีโอกิจวัตรของน้องแตมเอาไว้ และอัปขึ้น YouTube เพื่อไว้ดูกันเอง แต่เมื่อน้องแตมเริ่มพูดได้ ทางคุณพ่อรู้สึกว่าน้องพูดเก่ง พูดรู้เรื่อง บวกกับเห็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์จากญี่ปุ่นที่มีคอนเทนต์เด็กรีวิวสินค้า จึงลองให้น้องแตมทำดูบ้าง จากตอนแรกทำเล่นๆ พอเริ่มมีคนติดตาม จึงเริ่มจริงจังกับการทำคอนเทนต์มากตั้งแต่ตอนนั้น
ซึ่งคลิปที่ทำให้ช่องกลายเป็นที่รู้จัก คือ ‘คลิปน้องเฌอแตมร้องไห้ใน 7-Eleven’ ซึ่งยังเป็นคลิปที่มีคนดูสูงสุดในช่อง เป็นการเก็บฟุตเทจโมเมนต์ของน้องแตมไว้เล่นๆ แต่กลายเป็นว่าคนชื่นชอบและมียอดวิวสูงสุด
คุณพ่อโย และคุณแม่ปูเป้
ทั้งคู่ก่อนจะมาทำคอนเทนต์จริงจังได้ทำงานสายมาร์เก็ตติ้งกันมาก่อน จึงเรียกได้ว่าได้ใช้วิชาจากการทำงาน มาทำคอนเทนต์เป็นของตัวเองจนปังถึงทุกวันนี้เลย ซึ่งหันมาจริงจังตอนที่เริ่มมีรายได้เข้ามามากขึ้น จนลาออกมาโฟกัสการทำคอนเทนต์ของช่องอย่างเดียว สิ่งนี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว ทุกครั้งที่ไปเที่ยวหรือทำอะไร จะต้องมีกล้องมาถ่ายชีวิตลูก เพื่อทำคอนเทนต์ และเป็นสิ่งที่มีข้อดีคือได้ใช้เวลากับครอบครัวมากขึ้น
“มันกลายเป็นส่วนหนึ่งแบบเนียนๆ ไม่ได้รู้สึกเหนื่อย ลำบากอะไร แต่ช่วงแรกๆ ที่ทำคอนเทนต์ท่องเที่ยว ต้องรีวิวโรงแรม ตอนทำคอนเทนต์ก็มีเหนื่อยบ้าง แต่ตอนนี้มันเป็นอัตโนมัติ ถึงเราจะไปเที่ยวเอง ไม่ใช่งาน แต่เราก็ถ่ายเก็บเองทุกอย่าง และมันดีที่ลูกเรากำลังโต ตอนนี้เราย้อนกลับไปดูตอน 4-5 ขวบได้ ย้อนดูความน่ารักของลูก”
เฌอแตมเป็นเด็กที่มีความอดทนสูง
ครั้งหนึ่งทางช่อง Tam Story ได้ไปออกงานอีเวนต์เพื่อทำการโปรโมตร้านของเล่นแห่งหนึ่ง ซึ่งมีเหล่าแฟนคลับเด็กๆ เข้ามารอเจอน้องเฌอแตมเยอะมาก ต่างกรี๊ดส่งเสียงเชียร์ และต่างต้องการที่จะเข้ามาถ่ายรูปกับน้องแตม ณ ตอนนั้นคุณพ่อคุณแม่จำได้ว่าเป็นโมเมนต์ที่เหนื่อยมาก น้องแตมก็ร้องไห้เพราะเหนื่อยที่ต้องถ่ายรูปกับคนเยอะๆ แต่มีสปีริตที่ดีมาก เพราะเมื่อมีคนขอถ่ายรูป น้องจะหันไปยิ้มให้กล้อง ถึงแม้น้ำตาจะยังไหลอยู่ก็ตาม เห็นได้ถึงความอดทนสูงของน้องแตมเป็นอย่างมาก พอโตขึ้นมาก็เริ่มชินกับการมีชื่อเสียงมาเรื่อยๆ แต่อาจจะยังมีเขินบ้าง แต่น้องก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี
ความชอบส่วนตัวของน้องเฌอแตม
“อยากไปทำงานที่ Universal ญี่ปุ่น เป็นแม่มด ในเรื่อง Harry Potter” น้องเฌอแตมได้บอกถึงความฝันของน้องให้เราฝัน โดยแรกๆ ยังไม่กล้าพูดเท่าไหร่ แต่สุดท้ายก็เอ่ยปากบอกมา
คุณแม่เสริมว่า “น้องเฌอแตมคลั่งไคล้ Harry Potter มาก และชอบ Universal โซน Harry Potter มาก เขาเลยอยากไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น และไปทำงานที่ Universal และอยู่ในโซนนั้น เพราะมีคาถาที่เสกได้จริงๆ ที่มีเซนเซอร์แล้วเสกได้ตามจุดต่างๆ และคอยสอนเด็กๆ ร่ายคาถา”
วิธีการเลี้ยงลูกของครอบครัว
คุณแม่บอกว่า “พี่เลี้ยงลูกเหมือนเป็นเพื่อนเลย ยิ่งเขาโตขึ้น ยิ่งรู้สึกเหมือนเพื่อน และไม่ค่อยดู ขอแค่รู้หน้าที่ ทำการบ้านให้เสร็จ และเรื่องมารยาทกับผู้ใหญ่ที่จุกจิกหน่อย สบายๆ”
ส่วนในฝั่งคุณพ่อ เขาบอกกับเราว่า “พี่จะนึกเสมอว่าเฌอแตมเป็นเด็กที่มีโอกาสมากกว่าคนอื่นในรุ่นราวคราวเดียวกับเขาเยอะมาก เพราะเราเป็นอินฟลูฯ ด้วย เราจะได้ Contact จากคนอื่น และได้ทำกิจกรรมมากมาย เราก็ไม่รู้ว่าเขาเหนื่อยหรือเปล่า เพราะว่าเขาก็ต้องถ่ายวิดีโอไปด้วย เราเลยรู้สึกว่าเรื่องเรียน เราอยากให้เขาเรียนอย่างมีความสุข และได้ทำอะไรที่ผ่อนคลายเต็มที่ เพราะฉะนั้น จะไม่ค่อยบังคับเขาทำอะไร ให้เขาได้ใช้เวลาว่างตามใจเขา แต่ที่สำคัญต้องรับผิดชอบตัวเองให้ได้ก่อน ทำให้เสร็จก่อนแล้วจะได้ช่วง Free Time”
วิธีการทำงานของช่อง TAM Story
ช่องของครอบครัวน้องแตม ลงวิดีโอถี่และเยอะมาก ซึ่งเมื่อก่อนเคยลงวันละ 2 คลิป ต่อมาจึงลดเหลือวันละ 1 คลิป เพราะตอนนั้นอยากให้จำนวนคอนเทนต์ในช่องมันเยอะขึ้น แต่ในปัจจุบันพยายามจะไม่ทำงานหนักจนเกินไป ค่อยๆ ลดจำนวนลง ส่วนแพลนการถ่ายส่วนใหญ่จะเป็นเสาร์ อาทิตย์ และมีบ้างที่ถ่ายหลังน้องเลิกเรียน อย่างเย็นวันพุธ พฤหัสฯ เป็นการวางแผนการทำงานของทางครอบครัว ที่ตกลงร่วมกัน
“บ้านเราก็มีตัวละครแค่นี้” เพราะนอกจากน้องแตมที่เป็นดาราหลักของช่องแล้วนั้น ยังมีคุณแม่ปูเป้ ที่หลายครั้งก็รับบทในการแสดงละครลงคอนเทนต์บ้าง รวมถึงคุณพ่อเองที่ก็ต้องรับบทบาทด้วยเหมือนกัน เป็นครอบครัวที่น่ารัก และมีอารมณ์ขันทั้งเบื้องหน้า และเบื้องหลัง แต่เวลาทำงานก็จะจริงจังกันเสมอ
“โจทย์ของเราคือ ทำคอนเทนต์ให้เด็กๆ ดูแล้วมีความสุข ซึ่งเป็นโจทย์ที่ยาก เราพยายามที่จะถ่ายทอดความสุขให้เด็กๆ เห็น แต่บางครั้งน้องเองก็ไม่ได้อยู่ในมูดที่จะทำ เราก็ต้องมีซีเรียสบ้าง ดุบ้าง หรือเสียน้ำตาบ้างก็มี” คุณพ่อได้เล่าให้เราฟัง ซึ่งงานที่จะซีเรียสเป็นพิเศษ คือ งานที่มาจากลูกค้า ที่ต้องจำ Key Message จำสรรพคุณให้เป๊ะ ก็จะมีความเครียดบ้างในบางครั้ง
“น้องเป็นเด็กที่รู้หน้าที่ ถึงมูดจะไม่ได้อยากทำ แต่เขาก็จะพยายามเสมอ” และหลังถ่ายคอนเทนต์ทุกครั้งจะมีของขวัญให้น้องเสมอ ซึ่งน้องแตมมักจะขอเติมเกม ซึ่งเป็นเรื่องที่น้องชอบทำเวลาว่าง และเป็นครอบครัวที่เที่ยวบ่อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นการเที่ยวที่ตามใจน้องเฌอแตมเสมอ หรืออาจจะเป็นเที่ยวโดยการทำงานไปด้วย แต่ก็จะพยายามหาเวลาพักผ่อนให้กันและกันอยู่บ่อยๆ
และช่องจะเลือกรับงานรีวิวสินค้าที่เหมาะกับน้องเฌอแตม และไม่เป็นอันตรายต่อเด็ก ค่อนข้างให้ความสำคัญกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็กที่ดูช่อง TAM Story อยู่เสมอ
วิธีแสดงความรักให้ครอบครัว
“ส่วนใหญ่พี่ชอบคุยเล่นกับลูกก่อนนอน เพราะว่านอนด้วยกัน” ซึ่งจะเป็นเรื่องของโรงเรียนที่ลูกจะเอามาเล่าให้คุณแม่ฟังก่อนนอน เพื่อแลกเปลี่ยนของลูกอยู่เสมอ และฝั่งคุณพ่อเองมักจะบอกรักลูกอยู่เสมอ
รับมือกับคอมเมนต์อย่างไรบ้าง
ฝั่งคุณพ่อได้แชร์กับเราถึงการรับมือกับคอมเมนต์ “พี่ไม่ค่อยสนใจคอมเมนต์ในเชิงลบ เพราะเรารู้ว่าเราทำคอนเทนต์ให้เด็ก และเด็กมีวุฒิภาวะอย่างไร บางครั้งเขาอาจจะคอมเมนต์อะไรมาเป็นเชิงลบมาก ต้องยอมรับว่าเด็กที่มาคอมเมนต์ก็มีหลายประเภท ทั้งน่ารัก และแบบที่เราไม่คิดว่ามีแบบนี้ด้วยเหรอ แต่เราก็จะเข้าใจว่าทำไมเด็กถึงพิมพ์แบบนั้นมา เราจึงไม่โต้ตอบอะไรไป”
และคุณแม่บอกกับเราอีกว่า “แรกๆ มีตอบกลับไปในคอมเมนต์ คอมเมนต์ว่าพี่ไม่เท่าไหร่ แต่คอมเมนต์ว่าลูกนี่ไม่ได้ แต่ก็ตอบกลับไปแบบสุภาพ และมีเหตุผล แต่หลังๆ มาก็ปล่อยผ่านเหมือนกัน”
“เฌอแตมอ่านภาษาไทยไม่ค่อยออกค่ะ” น้องเฌอแตมพูดแบบน่ารักว่าน้องอ่านภาษาไทยไม่ค่อยออก เพราะน้องเรียนโรงเรียนอินเตอร์ อาจจะถือเป็นเรื่องดีก็ได้ ที่น้องไม่ต้องอ่านคอมเมนต์ให้เชิงลบจากคนอื่น และคุณพ่อก็จะมีบอกให้น้องแตมเข้าใจไว้เสมอว่าจะมีคอมเมนต์ที่ไม่ดีบ้าง แต่ไม่จำเป็นต้องไปโต้ตอบอะไร เพราะไม่ว่าเราจะทำอะไร จะต้องมันทั้งคนรัก และคนเกลียด
“พี่ก็จะบอกว่า ถ้าเขาว่าเรา แต่เราไม่ได้เป็นแบบนั้น ก็ปล่อยผ่านไป เพราะเขาไม่ได้รู้จักเรา แต่ถ้าเขาว่าเรา และเราเป็นแบบนั้นจริงๆ เราก็ปรับตัวให้มันดีขึ้น แค่นั้นเอง แล้วพี่รู้สึกว่าเราไม่ต้องเอาความรู้สึกเราไปทุ่มกับคนที่เขาไม่ได้รักเรา” คุณแม่พูดเสริมถึงประเด็นการรับมือกับคอมเมนต์เชิงลบในช่อง
ถ้ามีโอกาสได้สลับร่างระหว่าง น้องเฌอแตม กับ คุณแม่ สิ่งแรกที่จะทำคืออะไร
“หนูจะทำวิดีโอหาของหายค่ะ หนูอยากรู้ว่าแม่ซ่อนอะไรบ้างค่ะ” ช่องของ TAM Story จะมีวิดีโอคอนเทนต์ที่ชื่อว่า ‘หาของหาย แต่ดันเจอ…’ คอนเทนต์เกี่ยวกับการหาของหนึ่งชิ้นที่ทำหาย แต่พอหาดันไปเจอของอย่างอื่นที่คนอื่นซ่อนไว้แทน ซึ่งเป็นคอนเทนต์ที่เด็กๆ ชอบดู และช่องทำมาเป็นเกือบร้อยตอน
“สำหรับพี่เหรอคะ พี่ก็นอนทั้งวันเหมือนเฌอแตม สบายจะตายเป็นเฌอแตม ยกเว้นเรื่องเรียน กินขนมอร่อย และขอตังค์พ่อถ้าแม่เป็นเฌอแตม” เป็นคำตอบที่น่ารักจากคุณแม่ที่มีเสียงหัวเราะจากทั้งคุณแม่และน้องแตมตลอดการตอบคำถาม
น้องเฌอแตมโตขึ้นเร็วมาก
“พี่ย้อนกลับไปวิดีโอดูเฌอแตมแค่เมื่อ 2 ปี ก็ต่างกันมากๆ ด้วยบุคลิกด้วยก็เปลี่ยน หน้าตา เสียงเขาก็เปลี่ยน แต่นิสัยของเฌอแตมก็ยังเด็กๆ ไม่ได้อะไรมากมาย แต่ถ้าถามว่าโตเร็วไหม ก็ใจหายเหมือนกัน”
“เฌอแตมเป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบ และพี่ก็ชื่นชมเขามาก เพราะโรงเรียนเขาเรียนหนักมาก แต่เขาก็ยังทำงาน บางครั้งถ่ายวิดีโอกลับมาบ้านดึก แต่เขายังทำการบ้าน ถึงแม้พี่จะบอกว่าไม่ต้องทำ แต่เขาไม่ยอม จะทำให้จนเสร็จ และเสาร์ อาทิตย์ก็ต้องทำงานถ่ายวิดีโอ”
น้องเฌอแตมเองก็บอกถึงคุณแม่ว่า “ชอบที่มีความรับผิดชอบค่ะ มีความอดทน ใจดีค่ะ เวลาขออะไรก็จะให้มากกว่าไม่ให้”
วางแผนอนาคตของน้องเฌอแตมไว้อย่างไร
เป็นคำถามที่สร้าง Emotional ให้กับคุณพ่อเป็นอย่างมาก คุณพ่อบอกว่า “อยากให้เขาโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสุข เราอยากให้เขามีความสุข แต่ถ้าเรื่องงาน ไหนๆ เขาก็เป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่มีคนรู้จักแล้ว เราก็ไม่อยากให้ทิ้งตรงนี้ไป มันน่าจะเอาไปต่อยอดได้ อยากให้เขาโตเป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่ดี โตไปพร้อมกับเพื่อนๆ รุ่นที่ดูเขา”
คุณแม่พูดต่อว่า “ปกติเวลาทำคอนเทนต์ แม่จะพูดเยอะกว่า เฌอแตมก็จะพูดไม่ค่อยเก่ง อยากให้เขาค่อยๆ ขึ้นมาพูดเยอะขึ้น หรือว่าในอนาคตเขาอาจจะทำคนเดียวไปเลย เพราะว่าพี่ก็เห็นสาวๆ ทำคอนเทนต์เที่ยวบ้าง หรืออยากทำอะไรที่เขาอยากทำ อย่างเขาชอบเล่นเกม ก็เป็นสายเกมเมอร์ก็ได้ ถ้าทำแล้วมีความสุข”
ความรู้สึกตอนได้รางวัล Thailand Influencer Awards
“ดีใจมาก และเสียดายที่ไม่ได้ไปร่วมงาน เพราะอยู่ต่างประเทศ ดีใจที่มีคนเห็นในสิ่งที่เราตั้งใจทำกัน ซึ่งเป็นรางวัลแรกที่ได้ด้วย”
ฝากอะไรถึงช่องครอบครัว
“สำหรับช่องครอบครัว ที่มีลูก ก็อยากให้ถ่ายทำคอนเทนต์เอาไว้ อย่างน้อยสิ่งที่ดีที่สุด เราย้อนกลับมาดูลูกเราได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์อะไรก็ทำได้หมดเลย เราแบ่งปันความน่ารักของลูกเราให้คนดู และความสัมพันธ์ให้ครอบครัวก็จะรักกลมเกลียว สนิทกันมากขึ้น”
ก่อนจะจบบทสัมภาษณ์เราได้ให้คุณพ่อ คุณแม่ พูดสิ่งที่อยากถึงน้องเฌอแตม ซึ่งวันนี้เราขอทิ้งท้ายบทสัมภาษณ์ด้วยความรักของคุณพ่อ คุณแม่ที่มีต่อลูกสาวของเขา สำหรับใครที่อยากทำคอนเทนต์ครอบครัวเช่นกัน อยากให้ลองทำเหมือนที่ครอบครับ ‘TAM Story’ ได้ทำจนประสบความเร็จในที่สุด มาดูกันว่าคุณพ่อโย และคุณแม่ปูเป้ อยากบอกอะไรน้องเฌอแตม
คุณแม่พูดว่า “แม่รู้สึกว่าเฌอแตมเป็นเด็กดี เป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบ มีความอดทน ไม่ดื้อ เลี้ยงง่าย ตั้งแต่เด็กจนตอนนี้ เป็นเด็กที่เชื่อฟัง น่ารัก อยากให้เขาเป็นคนร่าเริง มีความสุข และรักตัวเองเยอะๆ เวลาเจอเรื่องทุกข์ เขาก็ค่อนข้างปรับความคิดได้โอเค จัดการกับความรู้สึกเขาได้ดี”
“พี่รู้สึกว่าน้องจะคอยปกป้องเราในบางครั้ง สมมุติพ่อบ่น พ่อว่าพี่ ลูกก็จะปกป้อง และตอนเด็กๆ ถ้าขนมอะไรอร่อยก็จะกำมาฝากพี่ ทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่ เวลาไปไหนแล้วนึกถึงเรา เขาจะเอามาฝาก”
ถ้าเฌอแตมได้กลับมาดูบทสัมภาษณ์ในอีก 10 ปีข้างหน้า
“ที่ผ่านมาจนถึงสิบปี เป็นคนดี และได้ดั่งใจมาก แม่ไม่เคยรู้สึกว่าลำบาก พี่โอเคมากกับการมีลูก อยากให้เฌอแตมในตอนอายุ 20 ปี ยังคงเป็นคนที่คิดบวก มีน้ำใจ นึกถึงคนอื่น รักตัวเองมากๆ อย่าให้คนอื่นมาทำอะไรให้เราเสียใจ”
และทั้งหมดนี้คือบทสัมภาษณ์แสนอบอุ่นจาก ‘TAM Story’ ขอขอบคุณทั้งครอบครัวที่มาแชร์โมเมนต์น่ารักให้พวกเราได้เห็นกันวันนี้ และเราเชื่อว่าน้องเฌอแตมจะเติบโตขึ้นเป็นอย่างผู้ใหญ่ที่ดีแน่นอน