NubNubbb จากเน็ตไอดอลยุคบุกเบิก สู่เส้นทางของยูทูปเบอร์สาย Home Tour

จากเน็ตไอดอลยุคบุกเบิก สู่เส้นทางของยูทูปเบอร์สาย Home Tour

Introduction

  • สไตล์การเลือกเฟอร์นิเจอร์แบบฉบับ NubNubbb
  • จาก NubNubb Channel สู่ NubnubLeoji
  • ครอบครัวที่มี “น้องหมา” เข้ามาเติมเต็ม

NubNubbb หรือ “นับเงิน” จากเน็ตไอดอลยุคบุกเบิก สู่เส้นทางของยูทูปเบอร์สาย Home Tour และตกแต่งบ้านสุดแสนละมุน จนวันนี้ได้จับคู่กับ “เรียวจิ” เข้าสู่ NubnubLeoji ที่ยังคนโลดแล่นอยู่บนเส้นทางแห่งการเป็นครีเอเตอร์มาโดยตลอด

วันนี้เราได้มีโอกาสคุยกับคุณนับเงิน รวมถึงคุณเรียวจิ เกี่ยวกับแนวคิดการทำช่อง การใช้ชีวิต รวมถึงความรู้สึกที่ย้อนกลับไปตอนได้รับรางวัล Thailand Influencer Awards เมื่อปี 2019

เราชวนคุณนับลองนึกย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ณ ตอนนั้นคุณนับเป็นอย่างไรนะ

    “ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ก่อนจะคบกับจิเลย เป็นช่วงที่กำลังค้นหาตัวเอง เป็นช่วงที่เริ่มเป็นอินฟลูเอนเซอร์ จริงๆ นับเริ่มทำงานในวงการมาเรื่อยๆ นับไม่เคยทำงานประจำเลย นับเป็นฟรีแลนซ์มาตลอด ช่วง 5 ปีที่แล้วเป็นช่วงที่เรายังไม่ได้เริ่มทำยูทูป เป็นช่วงแรกที่เริ่มเป็นอินฟลูฯ เลยงงๆ อยู่ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ใจเราอะอยากทำยูทูป ตั้งแต่ช่วงนั้นที่ก่อนเจอจิ แต่เรายังไม่เริ่มสักที ไม่รู้จะเริ่มจากอะไร แต่พอได้มาเจอจิก็เลยได้ชวนทำ ด้วยความรู้สึกว่าเคมีเราเข้ากัน เลยชวนทำด้วยกัน เป็นช่องไลฟ์สไตล์คู่รัก เป็นช่วงเริ่มต้นของยูทูป”

    ถ้าถามว่าสไตล์หรือตัวตนของตัวคุณนับเองเมื่อ 5 ปีที่แล้วกับ​ ณ ปัจจุบัน มีความเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ คุณนับได้ตอบว่า “ไม่เลยค่ะ ถ้าให้พูดจริงๆ แล้วนับเป็นคนที่ไม่ค่อยตามกระแส นับเองก็ไม่แน่ใจว่าสิ่งนี้เป็นจุดดีหรือจุดด้อยในด้านยูทูปเบอร์ 

    จริงๆ ถ้ามองแบบคนทั่วไปอาจจะมองว่าจุดนี้เป็นจุดด้อย ด้วยความที่นับเป็นคนไม่ตามกระแส แอบยั่งยืนนิดนึง อย่างเสื้อที่เคยใส่ตอนอายุ 18 ตอนนี้อายุ 30 นับก็ยังใส่อยู่เลย นับเป็นคนแบบนี้ก็ชอบแบบนี้ แต่ว่าเราจะปรับเปลี่ยนอะไรเล็กๆ น้อยๆ ประมาณนั้นค่ะ นับก็เป็นแบบนั้นมาเรื่อยๆ ไม่ค่อยเปลี่ยนเลยค่ะ” ส่วนนี้ก็สะท้อนถึงสไตล์ของการทำช่องยูทูปของคุณนับเองที่มีสไตล์ชัดเจน ไม่เปลี่ยน

    หลายๆ คนน่าจะเริ่มรู้จักคุณนับเงินจากคลิปวิดีโอคอนเทนต์ Home Tour เพราะการแต่งบ้านของเธอถือว่ามีสไตล์ที่สวยและโดดเด่นจนใครๆ ก็อยากติดตามว่าบ้านของเธอนั้นจะมีรายละเอียดการแต่งบ้านอย่างไร ซึ่งฝีมือการแต่งบ้านนี้มันได้เริ่มขึ้น เมื่อเธอตัดสินใจซื้อบ้าน

    “นับมีความฝันเรื่องบ้านมาตั้งนานแล้ว อยากมี Space ส่วนตัว อยากมีพื้นที่ของตัวเอง ด้วยความที่เราเป็นคนที่ชอบเห็นอะไรสวยๆ งามๆ เราก็เลยอยากมีบบ้านเป็นของตัวเองมาตลอด แต่ยังไม่ได้วาดฝันเอาไว้ว่าอยากมีบ้านแบบไหน เพียงแค่อยากมี Space เป็นของตัวเองเฉยๆ แต่ไม่ชอบคอนโด พอซื้อบ้านเสร็จปุ๊ป ไอเดียของการแต่งบ้านมันมาตอนนั้นเลย เราเริ่มจากการดูบ้านก่อน เลือกโลเคชันก่อน ดูแปลนบ้านก่อน”

    “ด้วยความที่นับชอบสไตล์แบบ Cozy อยู่แล้ว เป็นสายไม่ได้ Colorful อยู่แล้ว มีความ Minimal คุมโทนมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ก็เลยใส่ความเป็นตัวเองเข้าไป”

    ซึ่งการใส่ความเป็นตัวเองเข้าไปในการแต่งบ้านครั้งนั้นก็ส่งผลทำให้เธอเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น จนได้รับรางวัลจากงาน Thailand Influencer Awards สาขา แต่งบ้าน เราเลยถามถึงความรู้สึกคุณนับว่าตอนนั้นคิดไหมว่าเราจะทำคอนเทนต์แต่งบ้านจนได้รับรางวัล

    ตอนที่คุณนับเธอทำบ้าน เธอไม่ได้ตั้งใจว่าซื้อบ้านมาเพื่อทำคอนเทนต์ เพียงแต่ปกติเวลาที่กิจวัตรเธอทำอะไรก็จะถ่ายคลิปคอนเทนต์ออกมาเพียงเท่านั้น เพราะช่องของคุณนับในตอนแรกมีความตั้งใจที่อยากจะถ่ายทอดไลฟ์สไตล์ของตัวเองอยู่แล้ว เอาชีวิตจริงของตัวเธอ มาเล่าในช่องของเธอเอง คอนเทนต์ Home Tour เกิดขึ้นเพียงเพราะอยากเล่าให้ฟังว่าซื้อบ้านมาจากไหน แต่งบ้านอย่างไรเท่านั้น ไม่ต้องคาดหวังว่าจะทำให้คนรู้จักเธอมากขึ้นขนาดนี้ และบวกกับตอนนั้นบังเอิญเกิดดราม่าขึ้นด้วย

    “นับบอกกับทุกคนตลอดเลยว่า นับโชคดี คือโอเค เราก็ยอมรับเลยว่าฝีมือด้วย แต่ไม่ได้เพราะฝีมือร้อยเปอร์เซ็นต์ เราก็มีความโชคดีด้วย พอมันมีดราม่ามันเลยทำให้คนที่ไม่ได้เคยเห็นเรา ได้เห็นเรามากขึ้น นับใช้คำนี้ละกัน พอมันได้เป็นโอกาสของเราที่ทำให้คนเห็นเรามากขึ้น ได้รู้จักเรามากขึ้น”

    ความรู้สึกตอนได้รับรางวัล ?

    “นับกรี๊ดตั้งแต่ตอนเปิดผลโหวตแล้ว กรี๊ดจนมือถือร่วงกระจายไปเลย ช่องยูทูปเราคน subscribers หลักแสนกว่ามาสามปี นับมองว่าช่องตัวเองกับจิตลอดว่าเราอะไม่มีทางไปถึงล้านหรอก เราเป็นสายไม่ทำตามกระแส เราทำตามใจตัวเองมาตลอด แต่จริงๆ เราก็แฮปปี้กับจุดตรงนี้แล้วนะ”

    “วันนั้นที่เรารับรู้ว่าได้รางวัล นับดีใจมาก แบบมากๆ นับก็บอกกับจิเลยว่า ครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งเดียวที่เราได้รับรางวัล เราดีใจมาก นับร้องไห้เลย รู้สึกภูมิใจมาก และรู้สึกขอบคุณมากจริงๆ ที่เห็นช่องเล็กๆ มันไม่ใช่ว่าคุณมองเห็นช่องเป็นล้าน subscribers ห้าแสน สี่แสน แต่เราเป็นช่องเล็กๆ ที่เราได้เข้ามาอยู่ตรงนี้ เรารู้สึกแบบพูดไม่ออก บอกไม่ถูกจริงๆ ภูมิใจมาก และสรา้งพลังในนับไปต่อ เพราะมีหลายๆ ครั้งที่นับกับจิ รู้สึกเฮ้อ ไม่ไหวแล้ว ไม่อยากทำแล้วยูทูป”

    คุณเรียวจิที่แอบนั่งอยู่ข้างๆ ก็เสริมขึ้นว่า “ตอนแรกเราไม่คิดว่าจะได้รับรางวัล” 

    “ตอนแรกเราให้กำลังใจกัน บอกว่าไม่เป็นไรหรอก แค่ได้เข้าชิงก็โอเคแล้ว เราไม่มีทางได้หรอก แค่นี้ก็ดีใจมากๆ แล้ว แต่พอได้ไป แล้วเราได้รางวัลก็ดีใจมากๆ”

    วิธีการเลือกเฟอร์นิเจอร์แต่งบ้านของคุณนับ ?

    “เลือกจากความชอบล้วนๆ เลยค่ะ นับจะเป็นคนที่จินตการภาพก่อนล่วงหน้า หมายความว่า นับยังไม่ได้ซื้อหรอกชิ้นนี้ ยังไม่สั่งทำหรอกชั้นวางของนี้ แต่เราจะจินตนาการไว้ก่อนว่าถ้าเราเอาตัวหนึ่งวางตรงนี้ อีกตัววางตรงนี้มันจะเป็นไง นับไม่ได้แพลนอะไรเยอะมากขนาดนั้น เราแค่ไปตามความชอบจริงๆ เลย ซึ่งนับก็ไม่ได้วางนะคะว่าบ้านจะต้องสีไม้ขนาดนี้ จะต้องคุมโทนขนาดนี้ เราแค่รู้สึกชอบพื้นแบบนี้ โซฟาแบบนี้ แล้วก็ลองวาดภาพในหัวว่าถ้าเป็นแบบนี้ มันจะเป็นแบบไหน แค่มาจากความชอบจริงๆ”

    “ช่องของนับตั้งใจมาแชร์ไอเดียตัวเอง แชร์ความชอบตัวเอง แชร์ไลฟ์สไตล์ตัวเอง นับเลยปล่อยให้มัน Flow ไปเอง ไ่ม่ได้คิดอะไรมาก นับอยากได้บ้านแบบนี้แหละ เราอยากอยู่ที่นี่แหละ นับแค่แชร์ออกมาให้ทุกคนเห็นว่า เราทำแบบนี้นะแค่นั้นเลยค่ะ”

    คิดว่าการแต่งบ้านสะท้อนความเป็นตัวตนของเราได้หรือไม่ ?

    “มากๆ ค่ะ นับคิดว่าบ้านเป็นอะไรที่สะท้อนตัวตนเยอะมาก เพราะว่าเฟอร์นิเจอร์จับเปลี่ยนแค่ชิ้นเดียว มุมนั้นก็เปลี่ยนได้เยอะเลย นับเลยรู้สึกว่าบ้านหลังนี้นอกจากสะท้อนให้คนอื่นเห็นแล้ว มันสะท้อนให้ตัวนับเองเห็นด้วย เพราะว่าเราเองไม่เคยแต่งบ้าน เราโตมากับที่บ้านที่แบบพ่อแม่ซื้อหมดเลย ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ชิ้นไหนที่เราเห็นแล้ว โอโห้ เราชอบจังเลย เห็นแล้วเราแฮปปี้จังเลย พอมาตรงนี้ทำให้รู้สึกมันแฮปปี้มากเลย มันทำให้สะท้อนตัวตนให้เราเห็นเหมือนกันว่าเราเป็นสไตล์ไหน เพราะก่อนหน้านี้เราไม่เคยหาคำตอบเหมือนกันว่าเราเป็นสไตล์ไหน พอแล้วเลือกหยิบในสิ่งที่ตัวเองชอบ มันเลยทำให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้นด้วย คนอื่นเห็นภาพรวมของเราชัดขึ้นด้วย คาแรกเตอร์ของเราชัดขึ้นด้วย”

     ถ้าเปรียบบ้านเป็นนิสัย ?

    “เป็นคนเรียบง่าย แต่ Messy ใช่มากๆ (เธอเน้นย้ำ) ก็คือก่อนหน้านี้ตัวตนนับไม่ได้ฉูดฉาดมาก นับเป็นคนชอบความนิ่ง ความสงบ นับเป็นคนคลีนๆ อบอุ่น แต่ว่าถ้าสังเกตดีๆ บ้านนับมีความรก ของตกแต่งนับจะเยอะ จุกจิก เยอะไปหมดเลย มีความ Messy ซึ่งตัวตนนับเองเป็นแบบนั้นเลย เป็นคนชอบอยู่เงียบๆ ชอบอยู่นิ่งๆ ชอบสีสบายตา สีโทนๆ เดียวกัน แต่ว่าเยอะๆ วุ่นวาย”

    ถ้ามองจากภาพรวมของบ้าน มองเข้าไปจะรู้สึกสบายตา แต่จริงๆ แล้วมันแฝงไปด้วยรายละเอียดของตกแต่งที่เยอะเหมือนกัน

      “นับเป็นคนดีเทลเยอะมากๆ ค่ะ” 

    สิ่งถ้ามองแบบนี้ เราสัมผัสได้ว่าถึงแม้ดีเทลจะเยอะแค่ไหน ก็ยังอยากจะรู้สึกสบายตา เพื่อให้เรารู้สึกสบายใจ ถ้าไม่ดีเทลเยอะขนาดนี้ อาจจะทำให้คุณนับไม่รู้สึกสบายใจตามไปด้วยก็ได้ ใช่ไหมนะ?

    จาก NubNubb Channel สู่ NubnubLeoji

    “เบื้องหลังของการเปลี่ยนชื่อช่องตลกมากคุณนับบอกเราไว้แบบนั้น เธอเล่าต่อว่า “นับกับจิ เราทำช่องด้วยกันตั้งแต่คลิปแรก แต่ด้วยความที่นับเป็นอินฟลูฯ มาก่อน เขาเป็นนายแบบโฆษณา เขายังไม่ได้เข้ามาโซเชียลขนาดนั้น เขาเลยรู้สึกว่าให้มันเป็นช่องของนับไปก่อน ไม่มีรู้จักจิเลย ให้เป็นช่องของยูไปก่อน” 

    “ตอนแรกก็ไม่ได้อะไร แต่พอเริ่มทำช่องไปสักพัก มันเริ่มดี เริ่มเป็นที่รู้จัก จิก็จะเริ่มแซวว่า ชื่อช่องอะ มันก็ชื่อยูคนเดียว ถ้าเราเลิกกันขึ้นมาใช่มั้ย จิก็ไม่รู้จะไปทำอะไรแล้ว นับก็โอเค มีความตั้งใจไว้ว่าถ้าแต่งงานกัน ก็จะใช้ชื่อร่วมกัน ซึ่งจริงๆ แล้วเราก็วางไว้แต่แรกแล้ว ที่จะทำทุกอย่างไว้ด้วยกัน ไปพร้อมๆ กัน เพราะว่าชีวิตนับกับจิคือหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ เราทำทุกอย่างร่วมกันหมดเลย” 

    จากวันนั้นจนถึงวันนี้ระยะเวลาประมาณ 3 ปีที่คุณจิรอคอย ณ วันนี้ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็นช่องของทั้งคู่แล้วจริงๆ 

    ข้อดี ข้อเสีย ของการทำคอนเทนต์คู่ ?

    ข้อดี “เราได้ใช้ชีวิตด้วยกันตลอดเวลา เรารู้จักกันและกันเยอะมาก ทุกมุมเลย เพราะเราทำด้วยกันทุกอย่าง แม้แต่เรื่องงานก็ตาม นับก็จะเห็นทัศนคติของจิในเรื่องงานด้วย เพราะว่าบางคู่แยกกันทำงาน เขาอาจจะมุมทุกมุม ยกเว้นมุมทำงาน พอเรารู้จักกันมากๆ แล้ว มันทำให้เราเข้าใจกันมาก และก็ทำให้เราไม่ค่อยทะเลาะกัน”

      “แต่ในทางกลับกันเรื่องงานเนี่ย เราทั้งสองมีทัศนคติการทำงานที่ต่างกัน เราจะมีเรื่องเถียงกันเยอะมาก มองว่าเป็นจุดที่ทำให้ปวดหัวมากๆ เหมือนกัน มันมีรายละเอียดเยอะมาก และมันไม่ได้แยกออกจากกันเลย 24 ชั่วโมง นอกจากเราใช้ชีวิตด้วยกันแล้ว ยังต้องมีเครียดเรื่องงานด้วยกันอีก มันก็มีผลกระทบด้วย แต่ว่านับว่าเราโชคดี เราทั้งคู่สื่อสารกันเยอะ พูดคุยกันเยอะ ทำให้จุดนี้ไม่ได้เป็นปัญหาของเรา”

    สิ่งที่ทั้งคู่มีเหมือนกัน ?

    “ถ้าอะไรที่เหมือนกัน นับว่าน่าจะเป็นเรื่องการเปิดรับ หมายถึงเป็นคน Open เหมือนกัน พอเป็นคน Open เหมือนกันอะไรมันก็ง่าย ไม่ใช่แค่กับเรา แต่เรา Open กับคนอื่นด้วย เราสองคนเป็นคนใจดี พอเป็นคนใจดี อะไรมันก็ง่าย มันก็เลยแฮปปี้ไปหมด ชีวิตมันก็เลยรู้สึกง่าย นับว่าน่าจะเป็นข้อหลัก ความเปิดใจ ความตรงๆ ต่อกัน”

    ซึ่งเป็นนิสัยที่ทำให้คุณนับเงิน ตกหลุมรัก คุณเรียวจิ “ใช่ค่ะ ความจริงใจ ความตรงของเขาที่มันโผล่ออกมาตั้งแต่แรกเลย เราเลยรู้สึกว่าคนนี้น่าสนใจตั้งแต่แรก”

    โมเมนต์วันแต่งงาน ?

    “วันแต่งงานเป็นวันที่แฮปปี้มากๆ นับวาดภาพงานแต่งงานไว้ ว่าอยากได้อะไรแบบไหน สุดท้ายแล้วออกมาเป็นแบบนั้นเลยร้อยเปอร์เซ็น ตรงใจหมดเลย”

    “โมเมนต์ที่ประทับใจที่สุดในวันงาน เป็นโมเมนต์ตอนที่จิพูด Speech แล้วเขาก็หันมาพูดกับเพื่อนนับด้วย คือเขามีสติกว่านับอย่างมาก วันนั้นคือนับแบบล่กมาก เพราะเราคุยกันไว้ว่าเราจะไม่เตรียมสคริป เราไปพูดสด” 

    “แล้วจิจริงๆ เขาเป็นคุยที่พูดไม่เก่ง เขาเป็นคนไม่ค่อยมั่นใจในการพูด แต่วันนั้นเขาพูดดีมาก เขาหันไปพูดกับเพื่อนๆ นับด้วย เหมือนกันว่าจะมีเพื่อนฝั่งนับหลายคนที่ยังไม่เคยเจอเขา ยังไม่ได้สนิทกับเขา เขาก็หันไปพูดว่า หลังจากเราก็จะเจอกันเยอะขึ้นนะ นับรู้สึกว่ามันน่ารักมากๆ ที่เขาให้เกียรติเพื่อนนับ แล้วก็พูดกับเพื่อนนับ เขาพูดว่า เขาดีใจที่เขาได้รู้จักทุกคนนะ แล้วหลังจากนี้เราจะเป็นเพื่อนกัน เขาพูดแบบนี้ นับเลยรู้สึกว่ามันน่ารักมากเลย”

    ครอบครัวที่มีน้องมะหมาเข้ามาเติมเต็ม

    “จริงๆ เราสองคนเป็นคนที่ชอบหมามากๆ อยู่แล้ว โชคดีมากๆ ที่เคมีเรื่องนี้เราได้ด้วย จิเป็นคนรักหมามากๆ คือเราเคยคุยกันเลยว่า ถ้านับไม่รักหมาขนาดนี้ จิจะไหวไหมเนี่ย จิบอกว่า ไม่ไหว คือจิรักหมามากนะคะ คือถ้ามีไก่ 2 ชิ้น จิจะแบ่งให้หมา 2 ชิ้น แล้วจะปล่อยให้นับรอ จิเป็นคนแบบนั้น”

    “นับว่าการมีหมา ทำให้คู่เรามีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ในขณะที่ยังไม่มีลูกนะคะ นับรู้สึกว่ามันเป้นพันธะผูกพันธ์ที่มันเป็นอะไรที่ดีมากๆ เพราะว่าด้วยความที่เขารักหมามาก และนับก็รักหมามากเหมือนกันพอดี สองตัวนี้เหมือนเป็นจุดศูนย์กลางของเราเหมือนกันที่เราอยากจะไปในทิศทางเดียวกัน เหมือนกับว่า เห้ย ยูเรากลับบ้านเร็วไหม โอเค เรารีบกลับบ้านกันดีกว่า เห้ย ยูเราพาหมาไปวิ่งไหม นับรู้สึกว่า มันทำให้ชีวิตเราสนุกขึ้นด้วย มีความรับผิดชอบมากขึ้นด้วย มันทำให้เราเรียนรู้ชีวิตคู่ได้ดีมากขึ้นด้วยนะคะ เพราะว่ามันมีเรื่องของความรับผิดชอบเข้ามาเกี่ยวข้อง”

    อนาคตหลังจากนี้

    “ช่วงนี้เป็นช่วงวางแผนอนาคตไว้เยอะมาก และก็ตีกับตัวเองมากๆ นับคิดว่าปีหน้าอาจจะเริ่มคุยกันเรื่องมีลูก และอยากจะขยายธุรกิจออกแบบ และในช่องยูทูปที่เราแพลนไว้ เพิ่มเติม เราจะมีคลิปของจิเดี่ยวๆ ให้เขาได้โชว์ Pround ของเขาบ้าง จริงๆ จิเขาเป็นคนมีของ แต่ว่าเขายังไม่ได้งัดออกมาก คือคนยังไม่ได้เห็นเขาไม่หมด นับจึงอยากจะดึงอะไรของเขาออกมาให้คนเห็น คนรู้จักเขาเยอะขึ้น เพราะว่าเขาเป็นคน Positive Energry เยอะมาก นับอะชีวิตเปลี่ยนไปมากๆ เพราะว่าเขา นับเลยรู้สึกว่านับอยากจะเอา Energry ของเขาตรงนี้ที่มัน Positive มากๆ ออกไปให้คนอื่นบ้าง ให้ Follower บ้าง บางคนเหนื่อยๆ มาแค่กดดูคลิปจิเพลินๆ ได้”

    สิ่งที่อยากทำ และ To do List ที่อยากแนะนำให้ทำ

    “นับมีอย่างหนึ่งที่ฝีกฝนตัวเอง และนับก็อยากให้คนอื่นทำดู คือ ตื่นเช้ามา ก่อนแปรงฟัน ยิ้มให้ตัวเองในกระจก ยิ้มเฉยๆ เลย ไม่ต้องคิดอะไรมาก แค่ยิ้มเลย มันจะทำให้วันนั้นเรามี Energry ที่บวกขึ้น เป็นทริคเล็กๆ เพราะว่าเขาบอกว่าการที่เรายิ้มโดยที่เราไม่ได้คิดอะไร แต่ว่าร่างกายเรามันก็สั่งงานสมองได้เหมือนกัน ที่ทำให้เราแฮปปี้ขึ้น จากการฉีกยิ้มเฉยๆ เลย เป็นผลวิจัย เลยอยากให้ทุกคนลองดู​ เพราะว่ามันมีช่วงที่นับดาวน์มากๆ นับก็ลองทำ เลยรู้สึกว่ามันเป็นพลังให้ตัวเองเหมือนกันในตอนเช้า”

    ถ้าไม่ได้ทำ YouTube คิดว่าชีวิตจะเปลี่ยนไปอย่างไร

    “คิดว่าเปลี่ยนไปมากอยู่ค่ะ แต่ว่านับคิดว่านับเห็นภาพอยู่สองอย่าง คือ นับน่าจะไปทำพวกกองถ่าย หรือไม่ก็ขายของ เป็นสองอย่างที่นับชอบ”

    แต่ก็จะเปลี่ยนแปลงไปได้อยู่ตลอดเลยใช่ไหม?

    “ใช่ค่ะ นับว่าชีวิตมันกลิ้งได้ตลอด อย่างนับตัวเองก็กลิ้งมาเรื่อยๆ โดยที่นับไม่ได้เลือก แต่ว่าบังเอิญมีโอกาส นับเลยคิดว่า ยาก ตอบไม่ได้ ตอนนั้นนับยังไม่ทันมีความฝันเลย (หมายถึงก่อนจะทำ YouTube) นับจับพลัดจับผลูได้ลองทำมา ได้ทำงานนู่นนี่ นับเลยยังไม่รู้ว่าถ้าไม่อยู่ตรงนี้ ตัวเองจะไปทำอะไร”

    นิยามช่องยูทูปของตัวเอง

    “Positive คำเดียวเลย เราทั้งคู่เป็นสาย Positive”

    พบจบสัมภาษณ์มันทำให้เราเข้าใจสิ่งที่คุณเรียวจิพูดในวิดีโองานแต่งของทั้งคู่ในประโยคที่ว่า 

    “เราอาจจะไม่ได้เข้ากันในทุกเรื่อง แต่ว่า..มันก็ Perfect ในแบบของเราอยู่แล้ว” 

    ทั้งคู่อาจจะมีบางเรื่องที่เห็นไม่ตรงกัน แต่ความเรียบง่ายและ Positive ของทั้งคู่มันเลยทำให้คนอื่นได้รู้สึกถึงความน่ารักที่ทั้งคู่มีให้กัน และอยากจะติดตามความเป็นธรรมชาติของทั้งคู่ผ่านคอนเทนต์อยู่ตลอด