Influencer สายไอที ที่ค้นพบ Passion จากการเป็นเด็กติดเกม
นพ Extreme IT Influencer สายไอที ที่ค้นพบ Passion จากการเป็นเด็กติดเกม
Introduction
- ‘นพ Extreme IT’ จากเด็กติดเกม เล่นเกมตั้งแต่ 8 โมงเช้า ถึง 4 ทุ่ม เล่นทั้งวันตั้งแต่ตื่นยันนอน แต่ไม่ปล่อยผ่านให้เกมเป็นแค่ความสนุก
- เข้าสู่วงการ Overclock ปรับปรุงคอมพิวเตอร์เก่า ให้แรงจนเล่นเกมได้ เปิดทางสู่นักเขียนสายไอที หารายได้ตั้งแต่เรียนมัธยมปลาย
- ความยากของ Influencer สายไอที คือต้องตามโลกให้ทัน ห้ามหยุดเรียนรู้แม้แต่เพียงปีเดียว
จากเด็กชายที่มือสั่นทุกครั้งที่จับไมค์ ไม่มั่นใจทุกครั้งที่ต้องออกไปพูดหน้าห้อง แต่เชื่อหรือไม่ว่าในวันนี้เด็กชายคนนี้เติบโตขึ้นจนกลายเป็น Influencer และ YouTuber สายไอที ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 5 แสนคน ซึ่งเรื่องราวเล็กๆ ที่เรากำลังพูดถึงนี้ เป็นเรื่องของคุณนพ นพพล มาลีรัตน์มงคล เจ้าของเพจ Extreme IT นั่นเอง
ในบทความนี้ 9 Conversations จะพาไปพูดคุยแบบเจาะลึกถึงชีวิตของคุณนพ Extreme IT ในทุกแง่มุมเป็นครั้งแรก โดยเฉพาะเส้นทางชีวิตที่ใช้ ‘ความหลงไหล’ นำทางสู่ความสำเร็จในฐานะ Influencer การันตีด้วยรางวัล Best Tech, Gadget & eSports Influencer จากเวที Thailand Influencer Awards 2021
คุณนพ เริ่มการพูดคุยในครั้งนี้แบบสบายๆ ด้วยการพูดถึง Passion ในวัยเด็ก ก่อนที่จะเติบโตมาเป็น Influencer อย่างเต็มตัวในทุกวันนี้ ว่าตัวเขาเองชื่นชอบเรื่องเทคโนโลยีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ หรือแก็ดเจ็ต จนเรียกได้ว่าความชอบนี้ได้กลายเป็น ‘ความหลงไหล’ หรือ Passion อย่างเต็มตัว จนเริ่มทำการศึกษา และเจาะลึกด้วยความสนใจ
จากเด็กติดเกม สู่นักเขียนรีวิวสายไอที
หากย้อนกลับไปไกลกว่านั้น คุณนพเปิดใจว่า การเป็นเด็กติดเกม คือจุดเริ่มต้นของการเป็น Influencer ที่ประสบความสำเร็จแบบทุกวันนี้เลยก็ว่าได้
“ผมเป็นเด็กติดเกม ตื่นตั้งแต่ 8 โมงเช้า เล่นเกมถึง 4 ทุ่ม ถ้าเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ก็เล่นทั้งวัน ตั้งแต่ตื่นยันนอน”
แต่การเล่นเกมของคุณนพ ไม่ใช่เพื่อความสนุก แล้วปล่อยให้ผ่านไป เพราะความจริงแล้ว การเล่นเกมกลับกลายเป็นสิ่งที่สอนพื้นฐานด้านคอมพิวเตอร์ให้กับเขาอย่างไม่รู้ตัว
“คอมพิวเตอร์ที่ผมใช้ เป็นของมือสองที่ได้มาจากน้าซึ่งทำงานด้านคอมพิวเตอร์ เมื่อมีคอมพิวเตอร์เครื่องเก่าที่ไม่ได้ใช้งานก็ยกให้ผมมา เป็นของตกรุ่นใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง ผมก็อยากจะซ่อมเพื่อให้เล่นเกมได้”
วิธีการซ่อมที่ว่านี้ คุณนพอธิบายด้วยคำศัพท์ที่ค่อนข้างเฉพาะทางว่ามีทั้ง การ Overclock เพื่อเพิ่มความเร็ว หรือใส่ชุดระบายความร้อน ซึ่งทำให้คอมพิวเตอร์มือสองเก่าๆ ทำงานได้เร็วขึ้น และทำให้คุณนพเกิดความคิดซึ่งเป็นแรงบันดาลใจว่า “คอมพิวเตอร์เครื่องนึงสามารถปรับแต่งได้ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย”
ด้วยความสามารถในการ Overclock จนทำให้คอมพิวเตอร์เร็วขึ้นได้จริง คุณนพจึงตัดสินใจนำผลงานนี้ไปแชร์ในเว็บไซต์ Overclock Zone ซึ่งเป็นชุมชนผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ที่ได้รับความนิยมในขณะนั้น จนทีมงานของเว็บไซต์เห็นแววความสามารถ จึงชักชวนให้คุณนพทดลองรับงานเขียนบทความรีวิวสินค้าเกี่ยวกับเทคโนโลยี และนี่คือจุดเริ่มต้นในการเข้าสู่วงการรีวิวสินค้าในขณะที่ตอนนั้นคุณนพกำลังเรียนอยู่ในชั้นมัธยมปลายเท่านั้น
แม้ว่าคุณนพจะก้าวเข้ามาเป็นนักรีวิวสายไอทีมานานหลายปี แต่คุณนพเพิ่งจะเรียกตัวเองว่าเป็น Influencer ก็เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมานี้เอง ซึ่งคุณนพก็ได้เล่าเหตุการณ์ที่เป็นเหมือนเครื่องยืนยันว่าตัวเองเป็น Influencer จริงๆ ด้วยว่า
“ผมมีกลุ่ม Facebook ของ Extreme IT มีคนเอาผมไปล้อเลียน เอาไปทำมีม เพราะเวลารีวิวสินค้าผมชอบทำของเสีย ชอบทำของหล่น ก็เลยรู้สึกว่าตัวเองเริ่มเป็น Influencer ทุกคนรู้จัก เพราะเราเป็นตัวเรา”
แต่หากถามว่าคุณนพเข้าข่ายเป็นคนดังแล้วหรือยัง คุณนพให้คำตอบในเชิงปฎิเสธว่า “อย่าเรียกว่าคนดังดีกว่า แค่รู้สึกว่าคนรู้จักผมเยอะขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา เวลาเดินไปไหนมาไหนมีคนทักว่าใช่คุณนพหรือเปล่า แต่ผมยังห่างไกลจากคำว่าดังมากครับ (ยิ้ม)”
“ความท้าทายของ Influencer สายไอที ที่ต้องตามโลกให้ทัน”
เมื่อถามถึงความท้าทายในการทำงาน ในมุมหนึ่งแม้คุณนพจะมีความหลงไหลในเรื่องไอทีมาตั้งในเด็ก แต่ก็ต้องยอมรับว่าการเป็น Influencer สายไอที มีความยากอยู่เช่นกัน “ความยากที่สุดคือต้องตามโลกไอทีให้ทัน เพราะโลกไอทีไปเร็วมาก”
“ฝั่งไอที เพิ่งมีโทรศัพท์รุ่นใหม่ออกมา เทคโนโลยี และฟีเจอร์ไปเร็วมาก ผมต้องศึกษาว่าเทคโนโลยีไปถึงไหนแล้ว หรือว่าอุปกรณ์คอมพิวเตอร์มันไปไกลขนาดไหน เทคโนโลยีเป็นสิ่งที่ห้ามหยุดเรียนรู้ ต้องเรียนรู้ตลอดเวลา ถ้าคุณหยุดพักเพียงแค่ปีเดียว คุณจะตามไม่ทัน”
นอกจากความท้าทายของการเป็น Influencer สายไอทีที่ต้องติดตามข่าวสารอยู่ตลอดเวลาแล้ว การทำคอนเทนต์ให้น่าสนใจ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ชี้เป็นชี้ตายความสำเร็จของการเป็น Influencer ด้วยเช่นกัน
เรื่องนี้คุณนพอธิบายให้เราฟังแบบละเอียดจนแทบจะเรียกได้ว่าเป็น ‘คำภีร์’ การทำคอนเทนต์เลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะการจับจุดของสินค้าที่จะนำมารีวิวให้ถูกต้อง และรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายของสินค้านั้นคือใคร
“สมมติโน้ตบุ๊คเครื่องนึง เป็นโน้ตบุ๊คสำหรับทำงาน แต่มีราคา 30,000-40,000 บาท คนดูหลายๆ คนก็จะพูดว่า ไปซื้อโน้ตบุ๊คราคา 15,000-20,000 บาท ดีกว่าไหม สเป็คใกล้เคียงกันเลย ไม่เห็นจะต้องจ่ายเงินแพงกว่าเป็นหมื่นๆ”
หน้าที่ของคุณนพ จึงต้องจับจุดของสินค้าแต่ละชิ้นที่นำมารีวิว และตอบคำถามให้ได้ว่า “ทำไมคนซื้อต้องจ่ายแพงกว่า ทั้งที่สเป็คใกล้เคียงกัน”
ในกรณีนี้คุณนพอธิบายว่า สินค้าแต่ละตัวมี Segment ที่แตกต่างกัน ราคาที่เห็น ไม่ใช่แค่เรื่องสเป็ค แต่ยังมีเรื่องของวัสดุ และการออกแบบ ที่แบรนด์วาง Segment ให้โน้ตบุ๊คเครื่องนี้เป็นสินค้าระดับ High-end
“ต้องหา Point ที่เจ้าของแบรนด์ คิดสินค้าตัวนี้ออกมาก่อน ว่าแบรนด์ทำสินค้ามาเพื่อลูกค้ากลุ่มไหน แล้วค่อยนำเสนอจุดนั้นออกมา”
ในอีกมุมหนึ่ง หมายความว่าคอนเทนต์แต่ละชิ้นที่คุณนพทำออกมา ต้องจับจุดให้ถูกว่ากลุ่มเป้าหมายของสินค้านั้นคือใคร
“สินค้าแต่ละประเภทมีลูกค้ากลุ่มเป้าหมายแตกต่างกัน สินค้าราคาย่อมเยา ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมีงบประมาณจำกัด สนใจสเป็คอย่างเดียว สินค้าอีกกลุ่มหนึ่งจะมีลูกค้าเป็นกลุ่มคนที่ไม่ได้สนใจว่าสเป็คต้องดีที่สุด แต่สนใจการใช้งาน การออกแบบ และการสัมผัสต้องดี ผมต้องแยกประเภทของสินค้าให้ได้ก่อน แล้วนำเสนอจุดเด่นออกมา ให้ตรงกับกลุ่มคนที่จะดูคลิปนี้”
อย่างไรก็ตามแม้การทำคอนเทนต์ให้มีความน่าสนใจ จะหมายรวมถึงการทำคอนเทนต์ให้แบรนด์ต่างๆ ที่เป็นลูกค้า แต่ในจุดนี้ คุณนพก็ย้ำเช่นกันว่า ‘ผู้ติดตาม Extreme IT’ คือคนที่สำคัญที่สุด
“ต้องถือว่าผู้ติดตาม คือคนที่สนับสนุนผมมากที่สุด การที่มีลูกค้ามาจ้างงาน เพราะมีคนติดตาม ถ้าผมให้ความสำคัญกับลูกค้ามากกว่าคนดู คนดูจะรู้สึกว่าผมไม่จริงใจ เขาก็จะเลิกติดตาม พอเขาเลิกติดตามลูกค้าก็จะหาย ดังนั้นการเป็น Influencer สายไอที และสายรีวิว ควรให้ความสำคัญกับคนดูเป็นหลัก”
ชีวิตของ Influencer ทำงานตั้งแต่ตื่น จนนอน
หลังจากที่ได้คุยกันเรื่องคำภีร์การทำคอนเทนต์เรียบร้อยแล้ว อีกเรื่องที่คนอยากรู้มากที่สุดคือกิจวัตรประจำวันของคนเป็น Influencer สายไอที เขาทำอะไรกันบ้าง?
“ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ผมโฟกัสเรื่องงานหนักมาก ตอนนี้ผมแทบจะทำงานทั้งวันเลย ตื่นเช้ามา 7 โมง เริ่มเช็คงาน เช็คอีเมล เช็คข้อความก่อน แล้ว 8 โมงค่อยกินข้าว”
“อย่างวันนี้ผมไม่มีถ่ายงาน แต่จะมีเตรียมประชุม และเตรียมโน้ตบุ๊คเอาไว้ถ่ายรีวิว จริงๆ จะถ่ายวันพรุ่งนี้ แต่ผมจะเตรียมอุปกรณ์ให้เสร็จก่อนวันถ่ายตลอด เพราะวันถ่ายเราจะถ่ายกันอย่างเดียว อย่างวันนี้ถ้าผมเตรียมเครื่องเสร็จ 5-6 โมงเย็น ผมก็จะเตรียมข้อมูลทำไลฟ์ต่อ เพราะผมมีไลฟ์แทบทุกคืน เรียกว่าทำงานวนไป”
ถึงแม้ในวันนั้นอาจไม่มีผลงานใหม่ๆ ที่เผยแพร่ออกมาให้ผู้ติดตามเห็น แต่คุณนพก็ยังทำงานทั้งวัน เพราะงานที่ทำไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะการไลฟ์สด ที่ต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอ
“หลายๆ คนจะเห็นว่าการทำคอนเทนต์ไลฟ์มันง่ายมากๆ แค่นั่งพูดชั่วโมงเดียวจบ แต่การเตรียมตัวไลฟ์โน้ตบุ๊คหนึ่งเครื่อง ผมจะหยิบโน้ตบุ๊คมาดู อ่านสเป็คก่อน ต้องเตรียมลงเกม ลงโปรแกรมสำหรับการทดสอบ ให้ทีมงานทำภาพหน้าปก เตรียม Description ซึ่งกินเวลาไป 3-4 ชั่วโมงต่อ Product เพียง 1 ชิ้น ถึงจะพร้อมเริ่มไลฟ์จริงๆ”
สิ่งหนึ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ การเตรียมตัวทำการบ้านให้พร้อมก่อนทำคอนเทนต์เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ซึ่งคุณนพยืนยันว่า ถึงแม้จะเตรียมตัวให้พร้อมมากแค่ไหน แต่หน้างานก็ยังมีโอกาสพลาดได้เช่นกัน
“เป็นเรื่องธรรมดาของการทำคอนเทนต์ไลฟ์สด มันต้องมีผิดพลาด แต่ถ้าเราเตรียมตัวดีที่สุดแล้ว แล้วมันผิดพลาดที่หน้างานจริงๆ มันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่มันจะอยู่ที่ทักษะว่าหน้างานจะรับมืออย่างไร”
ถึงตรงนี้ เราเปลี่ยนมาชวนคุณนพคุยเรื่องสบายๆ มากขึ้น เพราะเราอยากรู้ว่างานอดิเรกของคนในแวดวงเทคโนโลยีที่ต้องติดตามข่าวสารตลอดเวลา ในเวลาว่างๆ พวกเขาทำอะไรกันบ้าง
แม้ว่าคุณนพจะเป็นคนสายเทคโนโลยี ติดตามข่าวสารเพื่อการทำงาน แต่ในวันว่างๆ งานอดิเรกของคุณนพ กลับหันหน้าเข้าสู่โลกอนาล็อค
“ชีวิตผมกลับไปหายุคอนาล็อคสมัยปี 2000 แล้วครับ งานอดิเรกของผมคือการเล่นรถยนต์บังคับ สมัยก่อนผมติดเกมหนักมาก อยู่แต่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวัน เพราะไม่ค่อยมีฐานะ แต่ตอนนี้เราพอมีเงินซื้อรถยนต์บังคับที่ตอนเด็กๆ คนเขาเล่นกัน มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับกลไก มีการปรับแต่ง ผมรู้สึกว่าสุดท้ายแล้วทุกคนจะกลับไปยังโลกความจริงที่จับต้องได้”
“การเล่นเกมที่ได้เจอเพื่อนแบบออนไลน์ มันไม่สามารถทดแทนความรู้สึกของการนั่งด้วยกัน พูดคุยกันได้ครับ”
อยากให้ผู้ติดตาม Extreme IT คิดดีๆ ก่อนซื้อของสักชิ้น
แม้แต่คุณนพเอง ที่ทำหน้าที่รีวิวสินค้าเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้กับผู้ติดตาม แต่คุณนพก็ไม่ได้อยากให้ผู้ติดตามซื้อสินค้าตามเขาทุกชิ้นเสมอไป
“ผมทำรีวิวเพราะอยากให้คนเห็นสินค้าแปลกๆ ใหม่ๆ ฟังก์ชั่นใหม่ๆ ได้เห็นของจริงก่อนจ่ายเงินซื้อ เพราะของบางอย่างเวลาซื้อไปแล้วอาจไม่ได้ตอบโจทย์กับการใช้งาน”
“อย่างนาฬิกา Smart Watch ถ้าบางคนไม่ได้ออกกำลังกาย Smart Watch ก็เป็นแค่นาฬิกา คิดให้ดีก่อนว่าเราจะได้ใช้งานหรือไม่ ถ้าไม่ได้ใช้งาน ก็กลายเป็นการซื้อขยะเข้าบ้าน”
“คนสมัยนี้ชอบมีคำว่า ‘ของมันต้องมี’ ซื้อมาก่อน จะใช้หรือเปล่ายังไม่รู้ แต่โดยส่วนตัว ผมเป็นคนที่รีวิวอุปกรณ์ไอทีในบ้านหลายอย่างมาก ของบางอย่างราคาถูก แต่ซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้ ของบางอย่างแพงแต่ซื้อแล้วช่วยให้ชีวิตคุณง่ายขึ้น เวลาดูรีวิวอย่าดูแค่คลิปเดียว คุณไปดูหลายๆ คลิปก่อน ไม่ต้องดูช่องผมช่องเดียว คุณไปดูช่องอื่น แล้วลองเปรียบเทียบ ตอบตัวเองให้ได้ว่ามันอยู่ในงบประมาณของคุณหรือไม่”
ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวของคนไอทีตัวเล็กๆ ที่มีอิทธิพลกับหลากหลายคนที่ชื่นชอบเทคโนโลยี เชื่อมโยงผู้ติดตามทุกเพศทุกวัยไม่ว่าจะเป็นนักไอทีตัวจริง หรือจะสายแฟชั่น แก็ดเจ็ต เชื่อว่าหลายคนที่ชื่นชอบ และติดตามคุณนพ เพราะสัมผัสได้ถึงความตั้งใจในการทำงาน และความจริงใจที่มีให้กับคนดู ผ่านคอนเทนต์สนุกๆ เข้าถึงง่าย ดูแล้วรู้สึกสนิทสนมกับคุณนพเหมือนเพื่อนบอกต่อเพื่อน และเมื่อเราจบบทสนทนากับคุณนพ ก็รู้ได้ทันทีว่าโทรศัพท์มือถือ หรือแก็ดเจ็ตชิ้นต่อไป จะต้องเป็นการบอกต่อจากเพื่อนที่ชื่อ “นพ Extreme IT” อย่างแน่นอน