สื่อแมส VS อินฟลูฯ มิตร (ไม่) แท้และคู่แข่งไม่ถาวรในสนามสื่อ

คำถามนี้อาจเคยวนอยู่ในหัวใครหลายคน โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่สื่อเปลี่ยนผ่านจากหน้าหนังสือพิมพ์สู่หน้าจอสมาร์ทโฟน เส้นแบ่งระหว่าง ‘สื่อหลัก’ กับ ‘คอนเทนต์ครีเอเตอร์’ จึงเริ่มเลือนราง

วันนี้เราจะมาร่วมค้นหาคำตอบไปพร้อมๆ กันจากการเสวนาภายใต้หัวข้อ “สื่อแมส VS อินฟลูฯ มิตร (ไม่) แท้และคู่แข่งไม่ถาวรในสนามสื่อ” โดย ดร.พิเชษฐ์ แตงอ่อน หัวหน้าสาขานิเทศศาสตร์ดิจิทัล คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ, คุณนันทสิทธิ์ นิตย์เมธา นายกสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ (SONP), คุณสุวิตา จรัญวงศ์ CEO & Co-Founder จาก Tellscore Thailand, คุณธนภัทร ศุภวรรณาวิวัฒน์ TikTok Creator ช่อง Janlo Talks และดำเนินรายการโดย คุณธัญญารัตน์ ถาม่อย ผู้ประกาศข่าวช่อง PPTV HD 36

“ทุกอาชีพในปัจจุบันสามารถเป็นมิตรกันได้” 

แม้อินฟลูเอนเซอร์กับสื่อแมสจะไม่เคยเปิดสงครามกันอย่างเป็นทางการ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเคยมีช่วงเวลาที่ต่างฝ่ายต่าง มองข้ามกันในฐานะ ‘คู่แข่ง’ มากกว่าจะ ‘คู่ขนาน’

จากมุมของนักข่าว สื่อมวลชนเคยถือธงจริยธรรมเป็นหลัก แต่เมื่ออินฟลูฯ หลายรายหยิบยกข่าวไปนำเสนอด้วยท่าทีบันเทิง หรือใส่มุมมองความเห็นเพื่อยอดวิว ก็กลายเป็น “ศัตรูในเงา” ที่สร้างความระแวงระหว่างกัน อย่างไรก็ตาม เสียงสะท้อนจากวงเสวนาย้ำว่า การทำงานร่วมกันนั้น เป็นไปได้ และ ควรเป็นจริง โดยอาศัย “ข้อกำหนดร่วม” ที่ไม่ใช่แค่กฎของสื่อใดสื่อหนึ่ง แต่คือ “จรรยาบรรณของยุคสื่อใหม่” ที่ทุกฝ่ายต้องถือร่วมกัน

ความเข้าใจผิดอีกอย่างที่ซ้อนทับอยูในสนามนี้คือ “อินฟลูเอนเซอร์ไม่ใช่สื่อมวลชน” หลายคนในวงการครีเอเตอร์เองก็ยังไม่มองตัวเองเป็นสื่อด้วยซ้ำ เพราะเป้าหมายหลักของพวกเขาอาจเป็นการสร้างคอนเทนนต์ที่สามารถถ่ายทอดแนวคิดตนเองได้ ตลอดจนยอดไลก์ รายได้ หรือการเติบโตของแบรนด์ส่วนตัว มากกว่าความสอดคล้องกับ “จรรยาบรรณสื่อ” แบบที่สื่อมวลชนหลักยึดถือ และนั่นก็ทำให้คอนเทนต์หลายชิ้นถูกตีตราว่า “ปั้นเนื้อหาเรียกยอด” “เน้นตัวตนคนเล่าเรื่องแค่บางข้อมูล” จนทำให้ภาพรวมของสนามอินฟลูฯ และคอนเทนต์ครีเอเตอร์ถูกตั้งคำถามเรื่องความน่าเชื่อถือในมุมมองของสื่อมวลชน

แต่ในความจริง โลกคอนเทนต์วันนี้เดินหน้าด้วย “อัลกอริธึม” และ “คุณภาพที่ผู้ชมเลือกเอง” การจะฟันธงว่าอะไรคือสื่อมวลชนหรือไม่จึงไม่ใช่เรื่องของป้ายชื่ออีกต่อไป แต่คือการ “บรรลุความคาดหวัง” ของกลุ่มเป้าหมาย แต่ต้องยังอยู่ในกรอบความรับผิดชอบต่อสังคม

ท่ามกลางการเติบโตของอินฟลูฯ และคอนเทนต์ครีเอเตอร์หลากหลายสาย สื่อหลักหลายรายกลับไม่รู้สึกถึงการถูกแย่งพื้นที่ แต่กลับมองว่า นี่คือโอกาสในการต่อยอดและอยู่ร่วมกันอย่างทรงพลัง เพราะแม้ทั้งสองจะมีเป้าหมายเดียวกันคือ “การสื่อสาร” แต่จุดแข็งที่ต่างกันชัดเจน:

  • สื่อหลัก มีความลึก มีจริยธรรม และการสืบค้นข้อมูล
  • สื่ออินฟลูฯ และคอนเทนต์ครีเอเตอร์ มีความเฉพาะตัว ฉับไว และเข้าถึงคนเร็ว

ในสนามสื่อที่ผู้บริโภคสามารถเลือกเสพสื่อ “เมื่อไรก็ได้ ที่ไหนก็ได้” ความแตกต่างระหว่างสื่อหลักกับสื่อใหม่ไม่ใช่ประเด็นอีกต่อไป สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “ความเป็นมืออาชีพ” ที่ต้องฝังอยู่ในทั้งสองฝ่าย และสิ่งที่ทุกฝ่ายควรทำ คือ

  • สื่อหลัก: ควรเปิดใจเรียนรู้เทคโนโลยี และปรับการเล่าเรื่องให้ทันพฤติกรรมผู้ชม
  • สื่ออินฟลูฯ: ควรตระหนักรู้ด้านความรับผิดชอบและจรรยาบรรณสื่อ และเข้าใจความสำคัญของการเป็น “เสียง” ของสังคม
  • สมาคมวิชาชีพ หน่วยงานวิจัย หรือหน่วยงานภาครัฐ: ออกแบบแนวปฏิบัติหลักสูตร หรือสร้างมาตรฐานร่วม ที่ทั้งสองฝั่งยึดถือได้

เพราะเมื่อทั้ง “มืออาชีพ” และ “จริยธรรม” ถูกหลอมรวมเข้าด้วยกัน มันจะกลายเป็น มาตรฐานใหม่ของวงการสื่อ ไม่ใช่แค่บนหน้าจอ แต่เป็นการสร้างนวัตกรรมสื่อ และอยู่ในใจของผู้ชมด้วย

ในโลกของสื่อ ไม่มีใครเป็นมิตรแท้หรือศัตรูถาวร มีแต่เป้าหมายร่วมกันคือการสร้างค่านิยมในสังคมที่ดี และให้คนดูเป็นผู้ตัดสิน 

ไม่ว่าวันนี้คุณจะเริ่มต้นจากการเป็นนักข่าว อินฟลูเอนเซอร์ หรือครีเอเตอร์หน้าใหม่ สิ่งสำคัญไม่ใช่ยอดวิว ไม่ใช่ยอดแชร์ แต่คือการที่คนยังอยากฟังคุณ “พรุ่งนี้” เพราะเชื่อว่าคุณกำลังใช้ไมค์ในมือเพื่อส่งเสียงให้โลกดีขึ้น ไม่ใช่แค่ดังขึ้นเท่านั้น