จากรอยร้าวในใจ สู่ภารกิจเพื่อผู้อื่น
ครั้งนี้ 9Conversations ได้มีโอกาสนั่งคุยกับ ซันจู – อมรเทพ สัจจะมุนีวงศ์ ผู้ก่อตั้ง Sati App กับจุดเริ่มต้นของคำถาม “อะไรทำให้ใครบางคนที่เคยจมอยู่ในความมืด กลายมาเป็นผู้สร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ผู้อื่นได้”
ครั้งหนึ่ง เขาเป็นเพียงคนธรรมดาที่ไม่เคยใส่ใจเรื่องสุขภาพจิต จนวันหนึ่งสุขภาพใจเริ่มสั่นคลอน ร้องไห้ง่าย ทำร้ายตัวเอง หูแว่ว เห็นภาพหลอน จนได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้า ต้องเข้ารับการรักษาหลายวิธี ทั้งการทำจิตบำบัด การรักษาด้วยไฟฟ้า รวมถึงการพักรักษาตัวทั้งในโรงพยาบาลเอกชนและโรงพยาบาลของรัฐอยู่หลายครั้ง
ปี 2017 เขาพยายามจบชีวิตครั้งแรก และครั้งที่สองตามมาในปี 2018 ความรู้สึก “ไม่มีใครเข้าใจ” กลายเป็นบาดแผลที่เจ็บลึก แม้การไปอยู่ต่างประเทศจะทำให้ได้เห็นสังคมที่พยายามเข้าใจผู้ป่วยมากกว่า แต่เมื่อกลับมาไทย เขาก็ยังต้องเผชิญกับคำพูดและสายตาที่กดทับคุณค่าอยู่เสมอ
กระทั่งวันหนึ่ง เขาตัดสินใจหันกลับมามองเรื่องสุขภาพจิตอย่างจริงจัง และเปลี่ยนเส้นทางที่เต็มไปด้วยบาดแผล ให้กลายเป็นเชื้อไฟในการก่อตั้ง “Sati App” แอปพลิเคชันที่สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้คนมีพื้นที่รับฟัง และได้รู้สึกว่า “ไม่โดดเดี่ยว”

Sati App: พลังของการฟัง
ซันจูเริ่มต้นพัฒนา Sati App ตั้งแต่ปี 2018 แต่เส้นทางไม่ได้ราบรื่นนัก กว่าที่จะได้รับทุนสนับสนุน ต้องรอถึงปี 2021 ช่วงโควิด-19
สิ่งที่ทำให้เขาเชื่อมั่นว่า “มาไม่ผิดทาง” คือข้อความขอบคุณจากผู้ใช้งานที่ส่งเข้ามา ผ่านสายกว่า 2,000 สายที่มีอาสาสมัครคอยรับฟัง ความรู้สึกของผู้ใช้ที่เปลี่ยนไปเพียงแค่ “มีคนรับฟัง” คือ turning point สำคัญที่ทำให้เขาเห็นคุณค่าของการสร้างพื้นที่นี้

จากจุดเล็กๆ นี้เอง Sati App ค่อยๆ ถูกมองเห็นมากขึ้น จนหลายองค์กรเริ่มขยับ เช่น กรมสุขภาพจิต ธนาคารจิตอาสา หรือแม้แต่การผลักดันในเวทีสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ว่าการ “รับฟัง” คือเครื่องมือที่ทรงพลังไม่แพ้การรักษารูปแบบใด
Better Mind Better Bangkok
หลังจากสร้างพื้นที่ออนไลน์แล้ว ซันจูขยายผลไปสู่สังคมในวงกว้าง ผ่านงาน Better Mind Better Bangkok
เขาเล่าว่างานสุขภาพจิตจำนวนมากเต็มไปด้วยกำแพงและพิธีการที่ทำให้ผู้คนรู้สึกห่างไกล ทั้งที่ปัญหานี้ควรเป็นเรื่องใกล้ตัว เขาจึงออกแบบเวทีนี้ให้เข้าถึงง่าย เป็นกันเอง และเปิดพื้นที่ให้ทุกคนได้พูดคุย ตั้งแต่นักวิชาการ อินฟลูเอนเซอร์ ไปจนถึงประชาชนทั่วไป
จากเวทีแรกในกรุงเทพฯ Better Mind ได้ขยายไปยังจังหวัดต่างๆ เช่น เชียงใหม่ ลำปาง และแม้แต่ต่างประเทศอย่างเวียงจันทน์ สปป.ลาว ทุกที่ล้วนสะท้อนปัญหาและความจริงในแบบที่ต่างกัน แต่หัวใจเดียวกันคือ “ทุกคนสมควรมีพื้นที่ปลอดภัยให้ใจได้พัก”
H.O.P.E. ธีมแห่งปี 2025
ปีนี้งาน Better Mind Better Bangkok 2025 จัดขึ้นเป็นปีที่ 4 มาพร้อมธีม H.O.P.E. – Healing, Optimism, Possibilities, Empowerment ที่สะท้อนสถานการณ์โลกซึ่งเต็มไปด้วยความหดหู่ เศรษฐกิจที่ไม่มั่นคง และปัญหาสังคมที่ทำให้หลายคนรู้สึกไร้ทางออก
H.O.P.E. จึงถูกออกแบบให้เป็นมากกว่าคำสวยหรู แต่เป็นกระบวนการของการฟื้นฟูหัวใจทีละขั้น

- H – Healing (การเยียวยา): โอบกอดและยอมรับความเจ็บปวดอย่างอ่อนโยน เพื่อให้บาดแผลค่อยๆ สมาน
- O – Optimism (การมองโลกอย่างมีความหวัง): เชื่อว่าแม้เคยบอบช้ำ แต่วันพรุ่งนี้จะดีกว่า
- P – Possibilities (ความเป็นไปได้): เมื่อใจเปิด โลกที่เคยคับแคบจะค่อยๆ กว้างขึ้น
- E – Empowerment (การเสริมพลัง): เติมพลังให้ตัวเองและส่งต่อให้ผู้อื่น เพื่อเติบโตไปด้วยกัน
มาร่วมค้นหา H.O.P.E. ไปด้วยกัน
Better Mind Better Bangkok 2025 กลับมาอีกครั้งในวาระ วันสุขภาพจิตโลก (World Mental Health Day) จัดโดย Sati App ร่วมกับ สถาบันวิชาการเพื่อความยั่งยืนทางสุขภาพจิต (TIMS), กรุงเทพมหานคร, Maybelline New York (Brave Together), มูลนิธิเพื่อคนไทย, สสส., Thai PBS และสามย่านมิตรทาวน์ ในวันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม 2025 ตั้งแต่ เวลา 11.00 – 19.00 น. บริเวณสามย่านมิตรทาวน์ ชั้น G

ปีนี้พิเศษกว่าทุกครั้ง เพราะงานจัดใหญ่ขึ้น พร้อมไฮไลท์ Youth For Change โปรเจกต์ที่เปิดพื้นที่ให้งานวิจัยและโครงการด้านสุขภาพจิตได้ถูกเล่าออกสู่สาธารณะอย่างสร้างสรรค์และเข้าถึงง่าย
บนเวที คุณจะได้พบกับแขกรับเชิญพิเศษอย่าง วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล, แตงโมยืนเดี่ยว, ยิปซี คีรติ และเหล่าอินฟลูเอนเซอร์-ครีเอเตอร์อีกมากมาย ที่จะมาร่วมถ่ายทอดเรื่องราว แบ่งปันประสบการณ์ และรับฟังกันอย่างอบอุ่น
เข้าร่วมฟรี เปิดพื้นที่ให้ทุกคนได้มาร่วมค้นหา “ความหวัง” และส่งต่อพลังบวกไปด้วยกัน
สุขภาพจิต: เรื่องซับซ้อนที่ไม่ควรถูกลดทอน
ซันจูย้ำเสมอว่า ปัญหาสุขภาพจิตไม่ใช่ “ความอ่อนแอ” ของใคร แต่เป็นเรื่องซับซ้อนที่เชื่อมโยงกับพันธุกรรม ฮอร์โมน สังคม และสิ่งแวดล้อม ไม่มีใครอยากเป็นผู้ป่วย และสิ่งที่พวกเขาต้องการมากที่สุดคือ “การรับฟังและการยอมรับ”
เขายกตัวเลขที่น่าตกใจว่า ประเทศไทยมีผู้ป่วยทางจิตเวชกว่า 10 ล้านคน และการสูญเสียจากการฆ่าตัวตายเพียงหนึ่งคน เท่ากับมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 44 ล้านบาท แต่สิ่งที่สูญเสียมากกว่าตัวเลข ก็คือชีวิตและคุณค่าของคนคนหนึ่งที่หายไป
ฝากถึงคนที่กำลังเหนื่อย และกำลังตามหา “ความหวัง”
“อย่าโทษตัวเอง” คือคำที่ซันจูอยากบอกกับทุกคนที่กำลังอยู่ในความมืดมน
“การที่เรายังมองไม่เห็นอนาคต ไม่ได้หมายความว่าเราล้มเหลว แค่เรากำลังตามหาแสงสว่างอยู่ ใช้เวลาอยู่กับปัจจุบันไปก่อน และถ้ารู้สึกไม่ไหว การไปหาหมอ นักจิตวิทยา หรือใช้พื้นที่ปลอดภัยอย่าง Sati App ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง”

เพราะทุกคนสมควรได้รับโอกาสที่จะถูกฟัง ถูกเข้าใจ และมีชีวิตที่เต็มไปด้วยความหวัง
นี่คือเรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่งที่เปลี่ยนรอยร้าวในใจให้กลายเป็นภารกิจชีวิต เพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้กับคนอีกนับล้าน และนี่คือพลังของ Better Mind Better Bangkok 2025 งานที่จัดขึ้นเพื่อที่อยากบอกกับทุกคนว่า “คุณไม่ได้อยู่คนเดียว”


