ใบตอง-จรีรัตน์ เพชรโสม การเดินทางของนักอนุรักษ์ที่มีมงกุฎ ผู้สื่อสารแทนธรรมชาติ

การเดินทางของนักอนุรักษ์ที่มีมงกุฎ ผู้สื่อสารแทนธรรมชาติ

Introduction

  • จุดเริ่มต้นของความสนใจ “สิ่งแวดล้อม”
  • ธรรมชาติพูดได้
  • การเดินทางของ “ใบตอง” ในวัยเลข 3

นักอนุรักษ์ที่มีมงกุฎ คำนิยามของ ‘คุณใบตอง จรีรัตน์ เพชรโสม’ อินฟลูเอนเซอร์สายสิ่งแวดล้อมที่มีความต้องการเป็นผู้สื่อสารแทนสิ่งแวดล้อม และเป็นฑูตสิ่งแวดล้อมมูลนิธิโลกสีเขียว เป็นนางงาม Miss Earth Thailand 2021 และตำแหน่ง Miss Earth Fire 2021 และเป็น Ambassador World View international foundation เป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่มีตำแหน่งเยอะมากเลยทีเดียว ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมทั้งหมด วันนี้มารู้จักเธอให้มากขึ้น และมาทำเข้าใจสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกับเธอกัน

เริ่มกันในชีวิตมหาวิทยาลัย

    ช่วงมหาวิทยาลัยจะไม่ได้เป็นร่างแบบปัจจุบันที่มีความสวยสง่าขนาดนี้ ตอนนั้นคุณใบตองจะเป็นเด็กที่เพี้ยนๆ และชอบทำกิจกรรม เลือกเรียนภาพยนตร์และวิดีโอที่ลาดกระบัง ซึ่งเหตุผลเพียงเพราะชุดครุยสวย และพี่สาวของเธอเองก็เรียนที่นั่นเช่นกัน ชอบทำกิจกรมเพราะเรียนไม่เก่ง ขออาจารย์ทำกิจกรรมอยู่เสมอ รับบทพิธีกรบ้างในหลายครั้ง แต่เธอเองไม่ได้กล้าแสดงออกมาตั้งแต่เด็ก ในวัยเด็กจะได้ฉายาจากที่บ้านว่าเป็น ‘เสือยิ้มยาก’ และออกไปทางเกเรด้วยซ้ำ เธอเพิ่งจะพูดเก่ง และกล้าแสดงออกเมื่อครั้งที่อยู่ในชมรมสิ่งแวดล้อมของโรงเรียน ช่วงมัธยม และการเข้าชมรมนั้นก็ทำให้เธอได้ลองทำอะไรหลายอย่างที่ทำให้ตัวตนของเธอค่อยๆ เปลี่ยนไป กลายเป็นเธออย่างทุกวันนี้ 

    “เชื่อว่าตัวตนของเราก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพราะว่าเราเป็นคนที่ชอบให้มันเปลี่ยน มันสนุกที่ได้เห็นว่าฉันสามารถเป็นอะไรได้อีก จากเด็กกากๆ จะมาเป็นนางงามอย่างทุกวันนี้”

    จุดเริ่มต้นของความสนใจด้านสิ่งแวดล้อม

    หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นเพราะการเข้าชมรมสิ่งแวดล้อม ที่ทำให้เธอหันมาสนใจเรื่องนี้ แต่นั้นยังไม่ใช่ ตอนนั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอรู้จักสิ่งแวดล้อม เหตุผลที่เลือกเข้าชมรมนี้เพียงเพราะชมรมอื่นมันเต็ม และคิดว่าอาจจะได้เที่ยว แต่ปรากฎว่าชมรมสิ่งแวดล้อมเป็นชมรมที่มีงานให้ทำเยอะกว่าที่เธอคิด อย่างการเป็นมัคคุเทศก์ท้องถิ่น การเข้าชมรมเป็นเพียงจุดบังเอิญแรกเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม และเป็นจุดเปลี่ยนความรู้ และจุดเปลี่ยนความสนใจ

    “แต่ถ้าถามว่าสนใจด้านสิ่งแวดล้อมตอนไหน ไม่รู้ตัว มันเป็นสิ่งที่ต้องทำก่อน แต่มันซึมซับมาเรื่อยๆ จนเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน”

    แล้วเด็กกากๆ มาเป็นนางงามได้อย่างไร

    ได้เข้าประกวดนางงามเพราะถูกชักชวนจากรุ่นพี่ แต่ส่วนตัวคุณใบตองไม่ได้คิดอะไร เพียงแต่เห็นว่าการประกวดนางงามนั้นจะทำให้ได้เงิน หลายครั้งปฏิเสธคำชวนไป จนถึงปีที่ตัดสินใจเข้าไปประกวด เพียงเพราะติดคำสัญญากับพี่ๆ เขาไว้ คุณใบตองไม่รู้เรื่องนางงามมาก่อนเลย คาแรกเตอร์ของเธอนั้นค่อนข้างสวนทางกับการเป็นนางงามที่ต้องคีฟลุค แต่เธอก็สามารถปรับตัวในเข้าประกวดได้เป็นอย่างดี แต่มีสิ่งที่น่าตกใจกับตัวเธอเองอยู่เหมือนกัน 

    “ก่อนหน้านี้เรามีมุมมองกับนางงาม หน้ามือกับหลังมือในปัจจุบันเลย เรามองว่านางงามแค่แต่งตัวสวย เชิ่ดๆ และรักเด็กค่ะ แค่นั้นเลย แต่พอได้เข้าไปประกวดปีแรก ทำให้ความคิดเปลี่ยน เพราะการเข้าไปประกวดได้ คุณต้องมีกึ๋น มีใจ และต้องเข้าใจด้วยว่าบริบทของคำความว่า นางงาม ที่แท้จริงคืออะไร มันมาพร้อมกับภาระและหน้าที่ที่ต้องแลกกันกับการที่ไปยืนอยู่ในสปอตไลต์” 

    “ครั้งหนึ่งเป็นรอบชุดว่ายน้ำ เราเป็นเด็กต่างจังหวัดที่ไม่เคยใส่ชุดว่ายน้ำมาก่อน ทำให้เดินไม่ออก ไม่เต็มที่ในตรงนั้น จนพี่ที่ดูแลเขาก็ถามเราว่าจะเลิกประกวดไหม ไม่ดันแล้ว ตอนนั้นทำให้คิดว่าเรามีโอกาสขนาดนี้แล้ว แล้วคนอื่นที่เหนื่อยกว่าเราอีก ความเหนื่อย ความเสียสละมันไม่ได้มีแค่เรา มันสมองของคนรอบตัว หรือการซัพพอร์ต เราเลยรู้สึกว่ามันมีค่ามากๆ ทำให้มุมมองต่อนางงามเปลี่ยนไป และเป็นเหตุผลที่ตัดสินใจกลับไปประกวดนางงามด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง” 

    เสียงตอบรับจากการเข้าประกวด

    “มีแฟนคลับที่ชื่นชอบในความเป็นเราเยอะมาก เป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น และเป็นสิ่งที่ขอบคุณจนถึงทุกวันนี้ ไม่ว่าเราจะทำอะไรจะมีค่อยติดตามการเดินทางชีวิตของเรา และคอยซัพพอร์ต แต่ในอีกด้านหนึ่งจะมีคนที่ไม่ได้ชื่นชอบ แต่คนเหล่านั้นทำให้เรารู้สึกได้ว่านี่คือความเป็นคน มันมีความชอบ และความไม่ชอบ มันคือเรื่องของรสนิยม คนเหล่านี้ทำให้เราโต โตแรกคือ ไม่ต้องไปต่อล้อต่อเถียง โตที่สองคือเราต้องเปิดใจให้กว้างกว่านี้ เพราะโลกมันกว้างมาก”

    “เรารู้สึกว่าเราเติบโตเรื่องของมุมมอง การใช้ชีวิต และการรู้คุณค่าของคน ทั้งหมดที่เราทำมา เรารู้สึกว่าเราเข้าใจคำว่า คน มากขึ้น”

    ส่งต่อความสนใจในเรื่องสิ่งแวดล้อม

    ในช่วงหนึ่งที่คุณใบตองทำงานเป็นครีเอทีฟและเป็นพิธีกรให้ช่องฟรีทีวี เธอได้มีโอกาสได้เขียนสคริปรายการเอง เธอใส่ความชอบในด้านสิ่งแวดล้อมของเธอเข้าไปในนั้นด้วย เพราะว่าเธอเห็นพลังของโซเชียลมีเดีย ที่ส่งต่อความชอบบางอย่างให้คนอื่นมันง่าย เธอจึงใช้ช่องทางนี้ในการส่งต่อความคิดด้านสิ่งแวดล้อม

    ณ ตอนนี้กระบอกเสียงของเธอนั้นเพิ่มมากขึ้น อาจจะยังไม่แข็งแรงพอ แต่คุณใบตองเธอรู้สึกได้ว่ามีคนเริ่มรับฟังมากขึ้น แต่เป็นสิ่งที่คุณใบตองต้องการมากยิ่งขึ้นไปเรื่อย เพราะเธออยากให้คนเข้าใจในเรื่องสิ่งแวดล้อม

    ธรรมชาติพูดได้

    “ธรรมชาติเขาพูดได้ และเขาพูดมาตลอดทั้งชีวิตเรา เพียงแค่มนุษย์เรามักมองตัวเองว่าอยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง เคยมีคนบอกว่า มนุษย์ไม่สามารถ Develop ไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว เพราะเราอยู่บนจุดสูงสุดของการเติบโตและการพัฒนาแล้ว แต่สำหรับเรามองว่ามนุษย์อ่อนแอที่สุด เพราะเราเข้าใจกันเอง และธรรมชาติเขาก็สื่อสารกันเอง แต่เราไม่เข้าใจเขาเฉยๆ” เป็นสิ่งที่เธอต้องการแก้จากคำที่บอกว่า ธรรมชาติพูดไม่ได้ แต่ที่จริงแล้วธรรมชาติพูดได้ และธรรมชาติสื่อสารกันเองรู้เรื่อง ทำให้เราเห็นการเอื้อเฟื้อต่อกันระหว่างธรรมชาติและสัตว์ ซึ่งสิ่งที่ธรรมชาติต้องการสื่อสารก็เหมือนกับมนุษย์ที่หิว ร้อน เหนื่อย ต้องการการดูแล เพียงแต่เราไม่เข้าใจ และไม่พยายามที่จะรับฟัง

    “ทุกนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีที่ออกมา เราตั้งใจทำมาเพื่ออะไรกันแน่ ตั้งใจทำมาเพื่อ Agent ธรรมชาติ หรือเราตั้งใจทำมาเพื่อ Save เขา หรือ Save ตัวเราเอง ฝากไว้ให้คิด เราไม่สามารถให้คำตอบที่ถูกต้องได้หรอกค่ะ” เพราะคุณใบตองเองได้เห็นแง่มุมหลายแง่มุมมองที่ยังไม่มีคนหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องสิ่งแวดล้อม เธอเลยพยายามที่จะชวนให้ทุกคนนั้นได้มาลองคิดไปพร้อมกัน สุดท้ายเธอบอกว่าทุกอย่างไม่ได้มีแค่สองด้านเสมอไป เพราะโลกใบนี้มันกว้างมาก ยังมีอีกหลายเรื่องที่เรายังไม่รู้

    มนุษย์บลูลี่ธรรมชาติ

    มนุษย์เราบลูลี่ธรรมชาติว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดในทุกวันนี้ เกิดจากธรรมชาติ ซึ่งอาจจะไม่ใช่ทุกคนที่คิดแบบนั้น แต่สิ่งหนึ่งที่คิดว่าทุกคนไม่รู้เหมือนกัน คือ ธรรมชาติพยายามบอกให้รู้ว่าเรากำลังบลูลี่เขาอยู่ต่างหาก เช่นการที่โลกร้อน เพราะโลกกำลังจะบอกเราว่าหยุดทำลายธรรมชาติได้แล้ว สาเหตุมันเกิดจากสิ่งที่มนุษย์นั้นทำอยู่ต่างหาก หรือน้ำท่วม เพราะเราตัดต้นไม้แล้วไม่ปลูกทดแทนหรือเปล่า คุณใบตองเองเธออยากชวนให้ทุกคนลองคิดตามกัน ถ้าเราอยากได้สุขภาพที่ดี อากาศที่ดี มันต้องเริ่มจากการมีสิ่งแวดล้อมที่ดีร่วมกัน ทั้งธรรมชาติ สัตว์ หรือมนุษย์ ไม่มีใครเหนือใคร เพราะเราต่างเอื้อซึ่งกันและกัน

    “ถ้าคุณรักตัวเองมากพอ คุณจะต้องรู้วิธีดูแลตัวเอง แล้วทำไมคุณไม่ดูแลตัวเองละ การดูแลตัวเองมันก็เหมือนการดูแลโลก”

    “เราไม่ได้อยากให้ทุกคนคิดเหมือนเรา แต่เราอยากชวนให้ทุกคนคิด ในมุมที่ทุกคนเห็น และในมุมที่ทุกคนไม่เห็นมากกว่า ว่ามันเป็นไปไหนทิศทางไหนได้อีก”

    การเดินทางของคุณใบตองในวัยเลข 3

    “คล้ายๆ กับโรเลอคอสเลอร์ละกันค่ะ มีขึ้น มีลง ม้วนไปมา เรารู้สึกว่าเป็นชีวิตที่เราได้เรียนรู้อะไระเยอะมาก เรายังอยากรู้ เรายังอยากตั้งคำถาม อยากฟัง เรายีงอยากได้รับอีก”

    “คุ้มมากในชีวิต ถ้าตายไปคงไม่เสียดาย เราภูมิใจในทุกวันกับการตัดสินใจของเรา” Baitong Journey เการเดินทางของเธอ หรือเพจที่หลายคนรู้จัก ที่ไม่ได้มีเพียงเรื่องสิ่งแวดล้อม ยังมีด้านอื่นๆ ทั้งไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิตของเธอที่ถ่ายทอดออกมาให้ผู้คนได้ติดตาม เรียนรู้การรักษ์สิ่งแวดล้อม และเปิดกว้างให้ทุกคนได้ลองคิดตามไปพร้อมกับเธอ 

    เราได้ถามเธอว่าใครเป็น Role Model คุณใบตองเธอตอบกลับมาว่า “ตอบเป็นคนใดคนหนึ่งไม่ได้หรอกค่ะ เพราะเราทุกคนเราต่างเป็น Inspiration ให้แก่กันและกัน แม้กระทั่งต้นไม้ ดอกไม้ หรือสัตว์ สิ่งที่เราสัมผัสได้จากทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเจอ เป็นแรงบันดาลใจให้กับเราได้หมดเลย แต่จะมีคุณแม่ และพี่สาว ที่อนุญาตให้เราเป็นตัวเราเอง ในแบบที่จะเพี้ยนอย่างไรก็ได้ เขาอาจจะไม่ใช่ Role Model ของเรา แต่เขาเป็น Big Support ที่ทำให้ทุกคนเห็นเราเป็นเราอย่างทุกวันนี้ ที่เป็นลมใต้ปีกซัพพอตให้กับเราเสมอ ไม่เคยห้าม ไม่ว่าเราจะทำอะไร ตัดสินอะไร ให้โอกาสให้เราได้ลองเป็นทุกอย่างที่ตัวเราเองอยากจะเป็น”

    รางวัลจากเวที Thailand Influencer Awards ของ Baitong Journey

    “เราดีใจมาก เพราะทุกๆ รางวัลที่เราได้มา อยากจะขอบคุณที่ Tellscore ที่มองเห็นเรา เราเป็นเพจเล็กๆ ขอบคุณที่มองเห็นอะไรบางอย่างที่เรากำลังสื่อสาร รางวัลที่ได้มามันเหมือนเป็นการบอกว่า ใบตองทำไปเรื่อยๆ เลย เราเห็นคุณนะ และเราจะเป็นหนึ่งในแรงซัพพอตของคุณ เป็นความรู้สึกของเราตอนได้รับรางวัล”

    วิธีใช้ชีวิตให้มีความสุข

    “ชีวิตมันเป็นแบบนี้ค่ะ อย่าไปคาดหวังว่าต้องเพอร์เฟค ว่ามันจะต้องเป็นได้ดั่งใจ ใจยังเราเปลี่ยนเลยค่ะ แล้วทำไมจะไม่อนุญาตให้ชีวิตเปลี่ยนไปในทิศทางที่มันควรจะเป็น อนุญาตให้ตัวเองผิดพลาดบ้างก็ได้ ความสุขกับความทุกข์ เขาเป็นคู่แฝดกัน แต่เรามักเห็นแค่คนใดคนหนึ่งเสมอ อารมณ์ ความรู้สึก มันจะไม่ได้ขึ้นสุดลงสุด เขาเป็นคู่แฝดกัน เขามาด้วยกันเสมอ วิธีการใช้ชีวิตให้มีความสุข เราจงเป็นเหมือนต้นไผ่ เวลามีลมมาทางไหน ก็เอนไปทางนั้นก็ได้”

    ตลอดการสัมภาษณ์ สิ่งที่หลายคนอาจจะสัมผัสได้ คือ ความเป็นมนุษย์ที่ต้องการใช้ชีวิตเหมือนคนอื่นทั่วไป แต่เป็นการใช้ชีวิตที่ทำร้ายคนอื่นน้อยที่สุด ทำลายสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ผ่านวิธีการง่ายๆ เริ่มจากการปรับวิถีชีวิตของตัวเองทีละเล็ก ทีละน้อย ทำจนชิน แล้วการใช้ชีวิตของเราอาจจะมีความสุขมากขึ้นก็ได้ ใครจะไปรู้ อยากชวนให้ทุกคนลองคิดตามเธอคนนี้ ‘คุณใบตอง จรีรัตน์ เพชรโสม’ นักอนุรักษ์ที่มีมงกุฎ