ผู้นำที่ไม่หยุดว่ายน้ำ เปิดมุมมองสู่ความสำเร็จ ด้วย “ทฤษฎีปลาฉลาม” จาก คุณธีรพล อำไพ

เมื่อพูดถึงการเป็นผู้นำในโลกธุรกิจยุคดิจิทัลที่มีการแข่งขันสูง การปรับตัวและการพัฒนาตัวเองเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง หนึ่งในบุคคลที่นำแนวคิดเหล่านี้มาใช้เพื่อผลักดันความสำเร็จทั้งในแง่ของการทำงานและการพัฒนาทีมคือ คุณธีรพล อำไพ Head of Search Experience แห่งโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ 

คุณธีรพลไม่เพียงเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขาการตลาดและเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังนำเสนอแนวคิดที่เรียกว่า “ทฤษฎีปลาฉลาม” ซึ่งเป็นแนวคิดที่เชื่อว่าแรงกดดันและการเผชิญความท้าทายเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันให้เราเติบโตและประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น

“ทฤษฎีปลาฉลาม” เมื่อแรงกดดันกลายเป็นเครื่องมือพัฒนา
ทฤษฎีปลาฉลามที่คุณธีรพลนำมาใช้และเล่าถึงในบทสัมภาษณ์นี้ เกิดจากแรงบันดาลใจของชาวประมงญี่ปุ่นที่พบวิธีการทำให้ปลาสดใหม่แม้อยู่ในทะเลเป็นเวลานาน การเลี้ยงปลาฉลามไว้ในท้องเรือเพื่อให้ปลาเล็กๆ ต้องว่ายน้ำหนีการถูกไล่ล่า ทำให้ปลาตัวเล็กมีสุขภาพแข็งแรง เนื้อแน่น ไม่เน่าเสีย เมื่อชาวประมงกลับถึงฝั่ง ปลาที่รอดชีวิตจะสดใหม่และมีราคาขายสูง แนวคิดนี้เชื่อมโยงกับชีวิตและการทำงานในแง่ของการสร้างแรงกดดันที่เหมาะสมเพื่อกระตุ้นให้บุคคลและองค์กรเติบโต

“ปลาฉลาม” ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการทำให้ผู้คนต้องเผชิญความกดดันจนถึงขั้นทำลายตัวเอง แต่เป็นการสร้างสภาพแวดล้อมที่ทำให้เราต้องเคลื่อนไหวและปรับตัวอยู่เสมอ เหมือนกับปลาที่ต้องว่ายน้ำตลอดเวลาเพื่อเอาตัวรอด “ผมคิดว่าในชีวิตจริง การที่เราเจอความท้าทายและแรงกดดันอยู่เสมอ ทำให้เราพัฒนาตัวเองได้เร็วขึ้นและมีทักษะในการรับมือกับปัญหาที่ดีขึ้น” คุณธีรพลกล่าว

7 หลักการของปลาฉลาม สู่แนวคิดที่นำมาใช้ในการทำงานและพัฒนาตนเอง

คุณธีรพลได้พัฒนาแนวคิดนี้เป็นชุดของหลักการที่สามารถนำมาใช้ในการทำงานและการพัฒนาตัวเอง โดยแบ่งเป็น 7 ข้อหลัก ซึ่งแต่ละข้อมีความสำคัญในแง่การเติบโตทั้งในระดับบุคคลและองค์กร

1. ผู้ปิดทองหลังพระ: ปลาฉลามไม่ได้คาดหวังให้ใครเห็นสิ่งที่มันทำ แต่มันมีบทบาทในการรักษาสมดุลของระบบนิเวศเช่นเดียวกับการทำงานที่มักต้องมุ่งเน้นการทำเพื่อความสำเร็จโดยไม่ต้องให้ทุกคนรับรู้

2. อยู่เดี่ยวก็โดดเด่น อยู่ร่วมก็เด่น: ปลาฉลามสามารถอยู่ได้ทั้งลำพังและในกลุ่ม การคบเพื่อนที่ดีและมีเป้าหมายเดียวกันเป็นสิ่งสำคัญ แต่ในขณะเดียวกันการรู้จักยืนหยัดด้วยตัวเองก็เป็นทักษะที่จำเป็น

3. รู้พื้นที่ของตัวเอง: ปลาฉลามรู้จักการคอยตรวจสอบสภาพแวดล้อมและเลือกที่จะว่ายน้ำอยู่บริเวณผิวน้ำ เช่นเดียวกับการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนในชีวิตและการงาน

4. เปิดใจรับฟังและไม่ตัดสิน: ปลาฉลามสามารถสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ได้ และพยายามเปิดใจรับฟังความคิดเห็น การเป็นผู้นำต้องมีความสามารถในการฟังและเข้าใจปัญหาโดยไม่ตัดสินก่อน

5. เป็นโค้ชที่ดี: ปลาฉลามจะสอนสัตว์ที่ติดตามมา เช่น เหาฉลาม ให้สามารถพึ่งพาตัวเอง เช่นเดียวกับการเป็นผู้นำที่ดี ต้องคอยแนะนำและสนับสนุนให้ทีมงานสามารถพัฒนาตัวเองได้

6. ยืดหยุ่นสูง: ปลาฉลามสามารถปรับตัวให้เข้ากับทุกสภาพแวดล้อม เช่นเดียวกับการทำงานในยุคปัจจุบันที่ต้องปรับตัวให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลง

7. ไม่หยุดว่ายน้ำ: ปลาฉลามต้องว่ายน้ำตลอดเวลา การพัฒนาตัวเองก็เช่นกัน ต้องไม่หยุดนิ่ง และต้องเดินหน้าอยู่เสมอ

การเผชิญหน้ากับ “ปลาฉลาม” ในชีวิตจริง

คุณธีรพลเล่าว่าในเส้นทางการทำงานของเขา เคยเจอสถานการณ์ที่ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นปลาเล็กๆ ที่ต้องเผชิญหน้ากับปลาฉลามหลายครั้ง การเผชิญความท้าทายเช่นนี้ทำให้เขาต้องพัฒนาทักษะและสร้างความเข้มแข็งให้ตัวเอง การไม่กลัวที่จะล้มเหลวเป็นหนึ่งในบทเรียนสำคัญที่เขายึดมั่น “การล้มเหลวไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นโอกาสที่จะเรียนรู้และก้าวต่อไป” เขากล่าว พร้อมยกตัวอย่างแนวคิด Fail Fast, Learn Fast, Act Fast ที่เน้นการเรียนรู้จากความล้มเหลวและลงมือทำให้เร็วที่สุด

ปรับใช้ทฤษฎีปลาฉลามในยุคแห่งการแข่งขัน

ในธุรกิจโรงพยาบาลที่มีการแข่งขันสูง คุณธีรพลใช้ทฤษฎีปลาฉลามเป็นแนวทางในการปรับตัวและยืนหยัดในแวดวงที่เต็มไปด้วยความท้าทาย โดยเขาเน้นว่า “ความพร้อมที่จะล้มเหลวและเรียนรู้จากมัน” เป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ นอกจากนี้การเปิดใจรับฟังความคิดเห็นและการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพก็เป็นหัวใจสำคัญของการทำงานในยุคปัจจุบัน

คุณธีรพลได้ฝากคำแนะนำถึงผู้ฟังเกี่ยวกับการนำทฤษฎีปลาฉลามมาปรับใช้ในการทำงานและชีวิตประจำวัน “ทฤษฎีปลาฉลามเป็นเพียงแนวคิดหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นให้เราก้าวไปข้างหน้า แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการปรับใช้แนวคิดนี้ให้เข้ากับตนเอง โดยไม่ฝืนธรรมชาติของเรา การพัฒนาตัวเองทีละน้อยในทุกๆ วันก็สามารถนำไปสู่ความสำเร็จในระยะยาวได้”

คุณธีรพลได้ฝากคำแนะนำถึงผู้ฟังเกี่ยวกับการนำทฤษฎีปลาฉลามมาปรับใช้ในการทำงานและชีวิตประจำวัน “ทฤษฎีปลาฉลามเป็นเพียงแนวคิดหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นให้เราก้าวไปข้างหน้า แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการปรับใช้แนวคิดนี้ให้เข้ากับตนเอง โดยไม่ฝืนธรรมชาติของเรา การพัฒนาตัวเองทีละน้อยในทุกๆ วันก็สามารถนำไปสู่ความสำเร็จในระยะยาวได้”